'ธนินท์' ผนึก 'SCG-โตโยต้า' สร้างโซลูชั่น 'การผลิต-ขนส่ง-ลดใช้พลังงาน'
ซีพี โตโยต้า เอสซีจี ทรู ลีสซิ่ง และ CJPT ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ เร่งความร่วมมือธุรกิจ มุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย สร้างโซลูชั่น “การผลิต-การขนส่ง-การใช้พลังงาน"
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) , ทรู ลีสซิ่ง , ปูนซิเมนต์ไทย (เอสซีจี) , โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และ Commercial Japan Partnership Technologies Corporation (CJPT) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อเร่งความร่วมมือบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนในไทย เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2566
สำหรับ MOU เป็นความร่วมมือทุกฝ่าย รวมถึงประสิทธิภาพด้านการขนส่งของซีพี และเอสซีจี และการใช้ยานยนต์จากพลังงานที่หลากหลายตามความต้องการในไทย
ทั้งเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ที่ดีและความเชื่อมั่นระหว่าง นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ , นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เอสซีจี และนายอากิโอะ โตโยดะ ประธาน บริษัท โตโยต้า (ในขณะนั้น)
รวมถึงได้เริ่มต้นดำเนินการใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านข้อมูล ด้านการเดินทาง และด้านพลังงาน โดยพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยนำมาซึ่งความสุขให้แก่ชาวไทย 67 ล้านคนภายใต้แนวคิด “เริ่มจากสิ่งที่สามารถทำได้ ณ เวลานี้ ร่วมกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์เดียวกัน” ดังนี้
1.โซลูชันด้านการใช้ข้อมูล ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า คือประสิทธิภาพของการโหลด และปรับเส้นทางในการจัดส่งอย่างเหมาะสม ด้วยการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ด้านการค้าปลีกและการขนส่งของแม็คโคร
ทั้งนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจค้าปลีกของกลุ่มซีพีรวมถึงเอสซีจี ตลอดจนการนำข้อมูลด้านการขนส่งและยานยนต์มาใช้ เพื่อนำมาทดลองกับร้านค้าที่เราดำเนินการทดสอบ ส่งผลให้ขณะนี้สามารถลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง15%
2.โซลูชันด้านการเดินทาง หลังจากที่ โตโยต้า เปิดตัวยานพาหนะที่มีความหลากหลาย รวมทั้งรถบรรทุกที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEVs) รถกระบะไฟฟ้าต้นแบบ Hilux Revo BEV Concept รถ Japan Taxi LPG-HEV และรถตู้ขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ (Kei)
โดยการใช้งานจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมกับการขนส่งในแต่ละประเภทและในแต่ละวัน สำหรับโครงการความร่วมมือครั้งนี้ มีการใช้รถพลังงานไฮโดรเจน และรถตู้ขนาดเล็ก ในธุรกิจค้าปลีกของ กลุ่มซีพี และเอสซีจี ซึ่งส่งผลให้ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 68 ตันต่อปี
นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จในการริเริ่มการใช้โดรนไฮโดรเจนต้นแบบสำหรับหว่านเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย และงานอื่นๆ ในพื้นที่เกษตรของซีพี
3.โซลูชันด้านพลังงาน เพื่อการใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ ถือเป็นครั้งแรกของไทยที่เปิดตัวเครื่องผลิตไฮโดรเจนจากก๊าซชีวภาพจากฟาร์มไก่ไข่ของซีพีเอฟและอาหารเหลือทิ้งจากโรงอาหารของโตโยต้า โดยนำพลังงานมาใช้กับรถบรรทุกพลังงานไฮโดรเจนและโดรนไฮโดรเจน รวมถึงการแข่งรถในปลายเดือนธันวาคมนี้
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเริ่มโครงการสาธิตการจัดการพลังงาน โดยใช้ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) และระบบการจัดเก็บพลังงานในแบตเตอรี่
สำหรับโตโยต้ามีแผนที่จะนำรถยนต์ HEV หรือ รถตู้ขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์ “Kei” ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมไทยในปัจจุบัน
พร้อมทั้งอนาคตจะนำรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEVs) และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบไฟฟ้า (BEV) มาเพิ่มเติมเพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายใต้แนวคิด “การเดินทางที่หลากหลาย” จากโตโยต้า
ทั้งนี้ ความท้าทายต่อไปคือการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และการลดต้นทุนในกระบวนการทั้งหมดของขั้นตอน “การผลิต” “การขนส่ง” และ “การใช้” พลังงานโดยการใช้ พลังงานทดแทนที่เหมาะสมกับสภาพ และการใช้งานในประเทศไทย
นอกจากนี้ เพื่อปรับปรุงให้การขนส่งมีประสิทธิภาพขึ้นจากการใช้ข้อมูล จะนำข้อมูลด้านค้าปลีก และขนส่งจาก ซีพีและเอสซีจี รวมถึงการนำเทคโนโลยี “Digital Twin” (การสร้างโมเดลเสมือนจริงจากพื้นที่จริง) ของโตโยต้า มาเพิ่มประสิทธิภาพของ "การเดินทาง การขนส่ง และพลังงาน" โดยร่วมมือกับระบบทางสังคม เช่น การจัดการพลังงานและการควบคุมการจราจร
ภายใต้การบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัทใหม่ Commercial Japan Partnership Technologies Asia (CJPT-Asia) ซึ่งก่อตั้งในไทยเพื่อเร่งขยายความร่วมมือไปทุกอุตสาหกรรม ก่อนขยายไปประเทศอื่น
รวมทั้งความร่วมมือนี้ได้รับการสนับสนุนจากบริษัท ทรูลีสซิ่ง จำกัด ผู้ให้บริการรถเช่าเพื่อการขนส่งและดำเนินกิจการ และกลุ่มค้าปลีกในเครือซีพี ประกอบด้วยแม็คโคร และซีพี ออลล์ ซึ่งมุ่งส่งเสริมการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง และการเปลี่ยนผ่านไปสู่รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า