ชไนเดอร์’ ปักธงดึง ‘พลังดิจิทัล’ ปลดล็อกองค์กรไทยสู่ ‘ความยั่งยืน’

ชไนเดอร์’ ปักธงดึง ‘พลังดิจิทัล’ ปลดล็อกองค์กรไทยสู่ ‘ความยั่งยืน’

ธุรกิจยุคใหม่ล้วนมี “ความยั่งยืน” เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ไม่เพียงเพื่อการมีส่วนร่วมในการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ทว่าต้องทำให้กลายเป็น “ดีเอ็นเอ” ของการขับเคลื่อนองค์กร...

KEY

POINTS

  • ชไนเดอร์ วางเป้าหมายที่จะเป็น “Industrial Tech Company” และ “Impact Maker” ทั้งการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลและความยั่งยืน
  • การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของความยั่งยืน
  • ความยั่งยืนไม่สามารถสร้างได้โดยลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย 

“ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” เปิดแผนธุรกิจปี 2567 เดินหน้าปลดล็อกองค์กรไทยสู่ความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยี ซอฟต์แวร์ และเอไอ เผยธุรกิจไทยเกินกว่า 90% ต่างตื่นตัว มุ่งทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล ปูทางการเติบโตบนความยั่งยืน

มงคล ตั้งศิริวิช ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาว และเมียนมา ผู้ให้บริการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ในการจัดการพลังงาน ระบบออโตเมชั่น และความยั่งยืน กล่าวว่า ชไนเดอร์ อิเล็คทริค มีทิศทางที่ชัดเจน โดยวางตำแหน่งเป็นเทคคอมพานีที่มุ่งนำเสนอโซลูชั่นและซอฟต์แวร์ตอบโจทย์ภาคธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม

ตั้งแต่การเริ่มต้นในการวางแผน การสร้าง ไปจนถึงกระบวนการดำเนินงาน มากกว่านั้นมีการลงทุนกับเทคโนโลยีเอไอและแมชีนเลิร์นนิง เพื่อช่วยลูกค้าในทุกมิติของบริการด้านพลังงานและความยั่งยืน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค วางเป้าหมายที่จะเป็น “Industrial Tech Company” ครองตำแหน่งผู้นำทั้งระดับโลกและท้องถิ่น ครอบคลุมทั้งการจัดการพลังงาน ดิจิทัลทรานส์ฟอเมชัน และความยั่งยืน ขณะเดียวเป็น “Impact Maker” ทั้งการขับเคลื่อนด้านดิจิทัลและความยั่งยืน

ดิจิทัล’ ตัวจักรขับเคลื่อน

มงคลเผยว่า ปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศนับเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันในทุกระดับและทุกองค์กร เพื่อให้สามารถไปสู่เป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

จากการสำรวจกลุ่มองค์กรในประเทศไทยพบข้อมูลและตัวเลขที่น่าสนใจว่า เกือบทุกบริษัทหรือมากกว่า 90% ตระหนักดีว่า "การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของความยั่งยืน" รวมถึงหลายองค์กรให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของแผนความยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังพบอีกว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่ออุปทานหรืออุปสงค์ด้านพลังงานถึง 44% และความสามารถในการฟื้นตัวจำนวน 41% ชไนเดอร์’ ปักธงดึง ‘พลังดิจิทัล’ ปลดล็อกองค์กรไทยสู่ ‘ความยั่งยืน’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเบื้องต้นหรือเทคโนโลยีที่บริษัทต่างๆ ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายด้านพลังงาน ได้แก่ มาตรการด้านพลังงานและประสิทธิภาพของทรัพยากรจำนวน 51% และพลังงานหมุนเวียนในโรงงาน และการแปลงระบบและการดำเนินงานให้เป็นดิจิทัลถึง 43%

ความยั่งยืน ‘สร้างโอกาสใหม่ๆ’

หลายองค์กรมองว่า ความยั่งยืนสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ 44% ช่วยสร้างนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน 42% และช่วยลดต้นทุน ช่วยให้ประหยัด และผลประโยชน์ทางการเงิน 38%

อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสอบถามในประเทศไทย จำนวนถึง 98% เผยว่า บริษัทมีแผนและมีเป้าหมายด้านความยั่งยืน ขณะที่มีเพียง 53% เท่านั้น ที่ได้นำกลยุทธ์ความยั่งยืนที่ครอบคลุมไปปรับใช้อย่างชัดเจน ทำให้เกิด ช่องว่างสีเขียว หรือ Green Gap ที่ยังไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติถึง 45% เลยทีเดียว

การสำรวจดังกล่าว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำการสำรวจเป้าหมายด้านความยั่งยืนโดยได้มีการพูดคุยกับผู้นำองค์กรจำนวน 4,500 ราย ใน 9 ประเทศ และ 500 องค์กร ในประเทศไทย เพื่อรวบรวมมุมมองของผู้นำธุรกิจในภูมิภาคเอเชียเกี่ยวกับความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม

โดยได้มีการดำเนินการสำรวจร่วมกับ Milieu Insight ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์และวิจัยข้อมูล ด้วยการให้ผู้บริหารระดับกลางถึงระดับสูงในภาคเอกชนเข้าร่วมการสำรวจตอบคำถาม 30 ข้อ เกี่ยวกับความยั่งยืน รวมถึงผลกระทบต่อธุรกิจของตนในประเทศต่างๆ ได้แก่ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม และประเทศไทย

ปีเดียวลดคาร์บอน ‘112 ล้านตัน’

ปีที่ผ่านมา รายได้ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั่วโลก มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยที่หลายๆ องค์กรเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความยั่งยืน และได้นำเทคโนโลยีมาปรับใช้

โดยผลประกอบการปี 2566 ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ทั่วโลกมีรายได้ 35,902 ล้านยูโรเติบโตขึ้น 13% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 6-8%

ที่ผ่านมา โซลูชั่นของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ช่วยให้องค์กรสร้างความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม สามารถช่วยให้ลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 112 ล้านตันในปี 2566 ภายในเพียงปีเดียว เทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนของต้นไม้ประมาณ 11,200 ล้านต้น หรือมากกว่า

สำหรับประเทศไทย ชไนเดอร์ อิเล็คทริค นับเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนอย่างจริงจัง โดยในปี 2565 ได้ริเริ่มโครงการ Green Heroes for life ซึ่งเป็นโครงการด้านความยั่งยืนที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยผลักดันชุมชนของพลเมือง ธุรกิจ และสถาบันที่มีความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมให้มีกิจกรรมร่วมกัน

ล่าสุด ออกแคมเปญ Impact Maker มุ่งสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมและลุกขึ้นมาเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงและสร้างโลกที่ยั่งยืนขึ้น ผลักดันเป้าหมายที่ตั้งไว้ ด้วยการดำเนินการปฏิบัติ ลด Green Gap ที่ยังคงมีอยู่

เพราะความยั่งยืนไม่สามารถสร้างได้โดยลำพัง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย และต้องนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาปรับใช้