'อเล็กซ์ เรนเดลล์' หว่านเมล็ดพันธุ์นักอนุรักษ์ ผ่านห้องเรียนธรรมชาติ

เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตานักแสดงหนุ่มอย่าง อเล็กซานเดอร์ ไซมอน เรนเดลล์ หรือ “อเล็กซ์ เรนเดลล์” กับผลงานละครตั้งแต่ในวัยเด็ก ปัจจุบันอีกหนึ่งภาพจำ คือ นักอนุรักษ์ที่มักจะมีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม และอีกหนึ่งตำแหน่ง คือ ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) ที่ก่อตั้งมากว่า 9 ปี จากจุดเริ่มเพียง 4 คน ปัจจุบันมีพนักงานและเครือข่ายทั่วประเทศมากกว่า 50 คน

 

"อเล็กซ์" เล่าถึงจุดเริ่มต้นของความสนใจด้านสิ่งแวดล้อม ให้ “กรุงเทพธุรกิจ” ฟังว่า ผมทำงานด้านนี้ตั้งแต่เด็ก ร่วมงานอาสา รักษาช้าง พอเราโตขึ้นจึงเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ด้วยความตั้งใจจะทำหนัง พอเรียนจบช่วงชีวิตที่หาอะไรใหม่ๆ จึงไปดำน้ำและกลับมาทำเรื่องช้างอีกรอบ พอได้ทำมาเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่าชอบทางด้านนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย รู้แค่ว่าอยากทำอะไรสักอย่าง กระทั่งได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคนกลุ่มหนึ่ง คือ การศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม และเข้าใจคำว่า Sustainability

 

“นั่นเป็นจุดเริ่มต้นในการรวมตัวกัน และมองว่าเราจะเปิดองค์กรเล็กๆ ตอนแรกคิดว่าสบายๆ เป็นงานอดิเรก แต่ด้วยความที่ยุคนั้นยังไม่มีกิจกรรมในลักษณะแบบนี้เยอะ ทำให้คนให้ความสนใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นจนมาถึงตอนนี้ ศูนย์สิ่งแวดล้อมศึกษา (EEC) จัดกิจกรรมไปแล้วมากกว่า 300 กิจกรรม ภายในระยะเวลา 9 ปี”

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• ย้อนรอย 5 การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ของโลก และครั้งที่ 6 จะเกิดขึ้นหรือไม่ ?
• 'สัตว์ที่หายไป' โดยไม่ต้องรอการสูญพันธุ์ครั้งที่ 6
• ‘โลมา’ มีรูปแบบการสื่อสารเปลี่ยนไป เพราะ ‘มลพิษทางเสียง’ จากเรือ

หว่านเมล็ดพันธุ์ "นักอนุรักษ์"

ด้วยความเชื่อเรื่องการมีส่วนร่วมของสาธารณะจะส่งผลสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาว EEC จึงถือกำเนิดขึ้นจากการคิดค้น การวิเคราะห์ และสร้างรูปแบบกิจกรรมร่วมสมัยที่เหมาะสมกับการนำพาสังคมไปสู่กระบวนการสิ่งแวดล้อมศึกษา ที่จะส่งผลต่อการรับรู้ ความเข้าใจ และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจของผู้คนในการมีส่วนร่วมในการปกป้องทรัพยากรทางธรรมชาติ และการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน

 

EEC ดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมศึกษา มุ่งเน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กับการให้ความรู้เชิงลึกอย่างสนุกสนาน ผ่านทางกระบวนการการจัดค่าย พาเด็กๆ และสมาชิกศึกษาสิ่งแวดล้อมและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ที่มีคุณค่า โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้ของเด็กเป็นหลัก เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกเยาวชน รวมถึงบุคคลทั่วไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

 

“อเล็กซ์” กล่าวต่อไปว่า การศึกษาเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว ไม่ใช่แค่เรื่องของสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับทุกๆ ปัญหาในโลกนี้ ผมว่าการศึกษาเป็นการแก้ที่ต้นทาง การที่เราจะไปเป็นฮีโร่รักษ์โลกคงเป็นไปได้ยาก แต่หากเราสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเข้าใจ เหมือนโรงเรียน ที่ไม่ใช่ให้งานเด็ก แต่ให้ความรู้ ให้ทักษะชีวิต พอเด็กโตขึ้นเขาจะมีทางเลือกของเขาเอง เพราะฉะนั้น เราวางว่า เราคือ โรงเรียนสิ่งแวดล้อม เราคือ องค์กรที่ทำเรื่องการศึกษา ให้กับเด็กเล็ก ผู้ปกครอง ผู้ใหญ่ มหาวิทยาลัย ภาครัฐ ภาคเอกชน

 

“คนจะปกป้องในสิ่งที่ตนเองรู้จัก หากเขาไม่รู้จักเขาก็จะไม่ปกป้อง หน้าที่ของเรา คือ ทำให้เขารู้จัก และเข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง พอเขาเข้าใจแล้ว เขาจะมีความรัก ความหวงแหน เกิดแรงบันดาลใจที่อยากปกป้องด้วยตัวของเขาเอง”

 

 

สิ่งแวดล้อม วาระของทุกคน

สำหรับกิจกรรมของ EEC แบ่งเป็น 2 พาร์ต คือ “B2C” สำหรับคนที่สนใจสมัครเข้าค่ายซึ่งมีอยู่ราว 17 หลักสูตร เช่น ค่ายช้าง ค่ายผีเสื้อ ค่ายค้างคาว เรียนรู้เรื่องของความยั่งยืน ค่ายปลา ค่ายฉลาม ค่ายเต่า ฯลฯ เปิดรับตั้งแต่อายุ 3 ขวบครึ่งจนถึงมหาวิทยาลัย และ “B2B” สำหรับภาครัฐ เอกชน ที่สนใจในเรื่องของเทรนนิ่ง จัดทริปการเรียนรู้ โดยออกแบบให้ตรงกับสิ่งที่แต่ละองค์กรต้องการ

 

ทั้งนี้ การทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมาแล้ว 10 กว่าปี ตั้งแต่ก่อนการก่อตั้ง EEC “อเล็กซ์” มองว่า ตอนนี้สังคมหันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมเยอะขึ้น จากแต่ก่อนเรื่องของสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ทุกวันนี้เปิดเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม มีแต่เรื่องธรรมชาติ พะยูนน้อยลง ฉลามเริ่มกลับมา กลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง ซึ่งแต่ก่อนแทบจะไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย พอสังคมให้ความสนใจมากขึ้น สื่อให้ความสนใจมากขึ้น ภาครัฐ ภาคเอกชน ก็ขยับตัวอย่างชัดเจน

 

"บวกกับทรัพยากรโลกที่เปลี่ยนแปลงในทุกวัน กลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียส ทุกอย่างเหมือน Snowball Effect ที่ทุกคนให้ความสนใจมากขึ้น ภาคเอกชน ก็หันมาให้ความสำคัญตรงนี้ ต่อไปเรื่องของการค้า หากใครไม่ดูแลก็จะเริ่มค้าขายยากมากขึ้น การพิจารณ์ปล่อยกู้ของธนาคารให้กับบริษัทที่ไม่มีการคำนึงเรื่องสิ่งแวดล้อมยากขึ้น สิ่งเหล่านี้ค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กลายเป็นวาระของมนุษย์ทุกคนที่จะมีส่วนเกี่ยวข้อง ต่อให้เราเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย...เราก็ต้องทำ"

 

 

 

จากนักแสดง สู่เส้นทางนักอนุรักษ์

อเล็กซ์ เล่าต่อไปว่า ตอนนี้เรียกได้ว่าชีวิตค่อนข้างเปลี่ยน จากเมื่อก่อนที่เล่นละคร กลับบ้าน เสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดกว่า 50-60% เดินทางค่อนข้างเยอะมาก กลับมา 1-2 วัน ประชุมเตรียมงานแล้วก็ไปต่อ บางครั้งถือโอกาสอยู่ต่ออีก 1 วัน เพื่อพักผ่อนให้เต็มที่และเดินทางกลับบ้าน

 

“เมื่อก่อนเราเป็นนักแสดงเต็มตัว ทุกวันนี้ก็มีความรับผิดชอบ มีสิ่งที่จะต้องดูแล และเมื่อเราทำ ก็อยากจะดูแลเนื้องาน ไม่ใช่ปล่อยให้คนอื่นทำ ผมอยากจะเกี่ยวข้องหรือรู้สึกว่ามีอินเนอร์กับสิ่งที่ตัวเองทำด้วย จึงค่อนข้างจะทุ่มเทกับสิ่งนี้ ปีหนึ่งมี 52 สัปดาห์ ปีที่แล้วเราทำไปแล้วกว่า 35 ทริป บางครั้งสัปดาห์เดียวกันมี 2 ค่าย ผมไปเองราวๆ 20 ค่าย ชีวิตอยู่ตรงนั้นค่อนข้างเยอะ และไม่ใช่แค่ไปค่าย เพราะผมไปเซอร์เวย์ที่พัก อาหาร ร้านอาหารทุกร้านที่ทุกคนจะได้กิน ผมลองชิมเอง และหากเป็นโปรเจกต์ใหญ่ก็ต้องไปทุกเดือน”

 

สำหรับงานละคร ตอนนี้มีติดต่อมาบ้าง แต่ก็อยู่ในช่วงชีวิตที่อยากจะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกวันนี้คนไม่ได้จำเราได้ที่ละคร แต่คนจำเราได้ที่การทำงานด้านนี้ไปแล้ว และเรารู้สึกว่าเรามาทางด้านนี้ เราก็ไปให้สุด แต่ถามว่า ผมก็ยังอยากที่จะแสดงละครอยู่ แต่อาจจะต้องเลือกและดูจังหวะชีวิตมากขึ้น

 

“เมื่อก่อนเราเล่นละครอย่างเดียว แต่ตอนนี้มีองค์กร มีบริษัท มีสิ่งที่เราต้องดูแล มีโปรเจกต์ มีความร่วมมือ ต้องดูจังหวะว่าตอนนั้นเราสามารถเล่นได้หรือไม่ บทใช่หรือไม่ ปัจจัยเยอะกว่าสมัยก่อน เพราะละครเรื่องหนึ่งใช้เวลานาน 9 -12 เดือน ซึ่งทำให้ผมต้องมานั่งคิดว่า เรามีบริษัท หากเราไม่ว่าง บริษัทก็ไม่สามารถเดิน มันคือชีวิตของคนอื่นด้วยไม่ใช่แค่เรา”

 

พา EEC ไปให้สุดเท่าที่แรงจะทำได้

ท้ายนี้ อเล็กซ์ กล่าวว่า ยังมีอะไรที่อยากทำเยอะมาก แต่ตอนนี้ก็พยายามลดอยู่ว่าอะไรไม่จำเป็น เพราะหากเราสามารถโฟกัสเป็นอย่างๆ ประสิทธิภาพน่าจะดีกว่า ขณะเดียวกัน เป้าหมายของ EEC มองว่ายังคงไปได้เรื่อยๆ ยิ่งทำยิ่งเห็นโอกาสมากขึ้น หลังๆ เริ่มมีต่างประเทศติดต่อเข้ามาอยากจะเห็นกิจกรรมในเมืองไทย เราเริ่มที่จะแตะไปต่างประเทศ

 

“จากที่เราทำกันเล็กๆ 4 คน ตอนนี้กลายเป็นระดับจังหวัด ทำงานกับคนมากกว่า 450 คน จนต่างประเทศเริ่มให้ความสนใจจากปากต่อปาก กระทั่งทุกวันนี้ ผมรู้สึกว่าภูมิใจและคิดว่าจะไปให้สุดเท่าที่แรงเราจะทำได้” อเล็กซ์ กล่าวทิ้งท้าย