Swisstainable โมเดลท่องเที่ยวยั่งยืน ให้โอกาสธรรมชาติได้ฟื้นฟู
เทรนด์ในอนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการทั่วโลกมุ่งให้ความสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติอย่างสวิตเซอร์แลนด์และไทยที่มีแนวโน้มต้องเผชิญกับความท้าทายของภาวะโลกร้อน
สถาบัน Les Roches, บริษัท เอกธนา ฮอสปิตอลลิตี้ เอ็ดยูเคชั่น เซอร์วิสเซส จำกัด และกรุงเทพธุรกิจ ร่วมกันจัดงาน “INNOVATION TOURISM & HOSPITALITY FOR SUSTAINABILITY" เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมอง เทรนด์นวัตกรรมและโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการสู่ความยั่งยืน
รวมทั้งให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจไทย นักเรียนนักศึกษา เกี่ยวกับนวัตกรรมการบริการใหม่ โดยผู้ประกอบการชั้นนำและหน่วยงานรัฐจากสวิตเซอร์แลนด์และไทย อันนำไปสู่การพัฒนาธุรกิจให้เกิดความยั่งยืน
นายเปโดร สวาห์เลน เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสมาพันธรัฐสวิสประจำประเทศไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก สร้างรายได้กว่า 11 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และสร้างงานหลายล้านตำแหน่ง คิดเป็นสัดส่วน 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมโลก (Global GDP)
เช่นเดียวกับที่สวิตเซอร์แลนด์ที่สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็นสัดส่วน 3% ของ GDP ขณะที่ประเทศไทยซึ่งมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวสูงมีสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 18% ของ GDP
ทั้งนี้ สวิตเซอร์แลนด์และไทยเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวและเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยทัศนีภาพที่งดงาม ความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมทั้งการต้อนรับอย่างเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่การท่องเที่ยวจะสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกมีส่วนต้องรับผิดชอบต่อการเกิดภาวะโลกร้อน จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 8% ซึ่งเกิดจากกิจกรรมการท่องเที่ยวต่างๆ และโดยส่วนใหญ่มาจากการเดินทาง
“กิจกรรมการท่องเที่ยวในอนาคตจึงต้องจัดการที่ดี และตระหนักถึงการสร้างโมเดลท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับการบริโภคและการท่องเที่ยวอย่างพอเหมาะพอดี และให้โอกาสธรรมชาติได้กลับมาฟื้นฟูดังเดิม รวมทั้งต้องเกิดประโยชน์และผลดีกับคนในชุมชนโดนรอบสถานที่ท่องเที่ยวด้วย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวเองเป็นส่วนหนึ่งที่จะสามารถสนับสนุนและขับเคลื่อนให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนเช่นกัน“
นายธีระศิลป์ เทเพนทร์ รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า เทรนด์การท่องเที่ยวในไทยมีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายด้าน ประกอบด้วย
1.การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และการทำศัลยกรรม จากชื่อเสียงด้านบุคคลากรการแพทย์ในประเทศ
2.การทำงานทางไกล ด้วยค่าครองชีพที่ไม่สูงนัก มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร ผนวกกับความดึงดูดในเชิงวัฒนธรรมที่ทำให้กลุ่มคนที่ทำงานที่ไหนก็ได้ (Digital Nomad) เลือกเข้ามาพักผ่อนในไทย โดยเฉพาะเมืองเชียงใหม่ กรุงเทพ เกาะพะงัน
3.การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งไทยได้รับความสนใจอย่างมากจากทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีเอกลักษณ์อย่างสงกรานต์ และลอยกระทง
4.การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เป็นหนึ่งเทรนด์ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งในไทยเองมีพื้นที่ธรรมชาติทั้งทะเลและภูเขาที่ตอบโจทย์กิจกรรมการท่องเที่ยวในลักษณะนี้อยู่มากเช่นกัน
ขณะเดียวกัน เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ททท.ได้ผลักดันมาตรฐานการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดนการประเมินให้ดาวเป็นสัญลักษณ์ 3 ดาว 4 ดาว และ 5 ดาว ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวก็จะมีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน รวมทั้งสร้างโอกาสในการแข่งขันอีกด้วย
นายธีระศิลป์ กล่าวต่อว่า ยุคปัจจุบันเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญมากในการสื่อสารและทำการตลาดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้กระจายข้อมูลได้อย่างทั่วถึง ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งถือเป็นเครื่องมีที่มีอิทธิพลสูงมากต่อการตัดสินใจมาท่องเที่ยว ด้วยการนำเสนอข้อมูลเรียลไทม์ และรูปแบบการนำเสนอแชร์ประสบการณ์แปลกใหม่
บาทิสท์ พิเลท์ Director of Switzerland Tourism-South East Asia กล่าวว่า ประเด็นเรื่องความยั่งยืนเป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้คุณค่าและความสำคัญมากยิ่งขึ้น ทำให้ขณะนี้ทุกแบรนด์มีการสื่อสารเรื่องความยั่งยืนในมิติที่ต่างกัน โดยสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งเป็นประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกก็มีความริเริ่มในการนำหลักการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและโมเดล “Swisstainable” มาใช้ ซึ่งเป็นนโยบายที่กำหนดโดยรัฐบาลและจะมีการทบทวนในทุก 5 ปี
ทั้งนี้ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนไม่ได้หมายถึงการปฎิเสธรับนักท่องเที่ยว หรือจำกัดให้คนมาน้อยลง เพราะนั่นอาจส่งผลเชิงลบทั้งต่อเศรษฐกิจและคนในชุมชนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โดยโมเดลดังกล่าวจะโฟกัสไปที่การนำเสนอประสบการณ์การท่องเที่ยวสวิตซ์ที่หลากหลายเพื่อให้นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเพิ่มวันพักนานขึ้นแทนที่จะไปโฟกัสเรื่องจำนวน
สำหรับโมเดลการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบด้วย การเพิ่มตัวเลือกการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนให้กับนักท่องเที่ยว อาทิ การส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะ การเดิน และการขี่จักรยาน การรับรองโรงแรมและที่พักอื่นๆ ที่มีมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อม การเสนอทัวร์และกิจกรรมที่เน้นการอนุรักษ์และการศึกษา
นอกจากนี้ มุ่งเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อพัฒนาและจัดการโครงการการท่องเที่ยว เพื่อให้คนในท้องถิ่นรู้สึกมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวตลอดปี ต่อยอดจากการจูงใจให้พักนานขึ้น ให้มีนักท่องเที่ยวเข้าพักทั้งปี เนื่องจากปัจจุบันโรงแรมในสวิตซ์หลายแห่งยังเปิดให้บริการเพียงช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการจ้างงานในช่วงที่ความต้องการสูงโดยเฉพาะช่วงไฮซีซั่น
นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการกระจายการท่องเที่ยวไปยังพื้นที่อื่นๆ ด้วย เพื่อทำให้นักท่องเที่ยวไม่กระจุกตัวอยู่แต่ในแหล่งท่องเที่ยวหลักจำนวนมาก
นายบาทิสท์ กล่าวต่อว่า สวิตเซอร์แลนด์ออกมาตรการจูงใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อให้ภาคธุรกิจมีส่วนร่วมในโมเดลความยั่งยืน 3 ระดับ ประกอบด้วย
1.ประกาศแผน (Commited)
2.ลงมือทำ (Engaged)
3.เป็นผู้นำ (Leading)
โดยผลักดันให้มีการสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวโดยเฉพาะกลุ่ม SME ให้เข้าร่วม
มาโน โซเลอ Managing Director of Les Roches Global กล่าวว่า ความยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญที่ต้องคำนึงในการสร้างบุคลลากรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเลส์ โลชส์ ในฐานะสถาบันการศึกษาที่ผลิตคนรุ่นใหม่ที่จะมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้ ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาหลักสูตรที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงแนวคิดเรื่องนวัตกรรมและความยั่งยืนให้กลมกลืนไปกับการเรียนการสอน
ทั้งนี้ เลส์ โลชส์ พยายามสอดแทรกหลักสูตรและการสอนที่น่าสนใจ อาทิ การทำงานจิตอาสาอย่างสม่ำเสมอ การทำโครงการรแชร์รถส่วนรวมในรั้วโรงเรียนโดยใช้โมเดลรถยนต์ไฟฟ้า 100% และความร่วมมือกับ Ocean Sky Cruise ในการให้นักศึกษาได้ฝึกออกแบบและพัฒนาโมเดลการท่องเที่ยวบนเรือเหาะ ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่รักษ์โลกมากกว่า คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2028