เปิดกลยุทธ์เอสเอ็มอีไทย บริการครบวงจรรับมือสินค้าจีน

เมื่อเร็วๆนี้ “ชมรมบัวหลวง SME” จัดกิจกรรม “ชมรมบัวหลวง SME” สัญจร Success Case: ลูกค้าผู้ประกอบการ ‘SME Transformation’ ปรับตัว-เปลี่ยนความท้าทายกลายเป็นโอกาสเติบโตที่ บริษัท ดีไซน์ ออลเทอร์เนทีฟ จำกัด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ดำเนินธุรกิจแบบให้บริการคำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง เฟอร์นิเจอร์ห้องปฏิบัติการ และงานบริการหลังการขายแบบครบวงจร ได้รับการยอมรับจากลูกค้า ทั้งภายในและต่างประเทศ ส่งออกผลิตภัณฑ์กว่า 11 ประเทศทั่วโลก

25 ปีที่แล้ว“บริษัท ดีไซน์ ออลเทอร์เนทีฟ จำกัด” นับ 1 จากอุตสาหกรรมการผลิตเฟอร์นิเจอร์ห้องปฏิบัติการ เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน เฟอร์นิเจอร์ห้องครัวและที่อยู่อาศัย แบบ Total Turnkey Solution บริการให้คำปรึกษา ออกแบบ ผลิต ติดตั้ง และงานบริการหลังการขายแบบครบวงจร กับนโยบายที่เน้นสินค้าคุณภาพ เข้าใจความต้องการของลูกค้าและสนองตอบได้อย่างตรงจุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อย.-สมอ.ลุยสกัดสินค้าจีนทะลัก ระดมกำลังเพิ่มสุ่มตรวจคุณภาพ

SMEs จะไปต่ออย่างไร เมื่อเศรษฐกิจไทยโตช้าลง?

ยกระดับคุณภาพสายการผลิต

ด้วยผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ห้องปฏิบัติการ ภายใต้แบรนด์ PROLAB เฟอร์นิเจอร์สำนักงาน ภายใต้แบรนด์ VIN และเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวและที่อยู่อาศัย ภายใต้แบรนด์ VATIN และTETER นวัตกรรมเทคโนโลยี Automationสำหรับบ้าน, ที่พักอาศัย, อาคารสำนักงาน ให้บริการที่ครบวงจรแก่ลูกค้า ตั้งแต่การผลิตตามสั่ง ไปจนถึงงานติดตั้ง

ต่อมาขยายกำลังการผลิตและยกระดับคุณภาพของสายการผลิต ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าภาคธุรกิจชั้นนำในประเทศด้วยโมเดลการให้บริการจ้างเหมาออกแบบ ผลิต และติดตั้งเฟอร์นิเจอร์แบบเบ็ดเสร็จ ว่ากันว่าเป็นบริษัทแรกๆ ที่สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ระบบโมดูลาร์แบบชิ้นส่วนถอดประกอบได้

เติบโตและปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่โควิดแพร่ระบาดก็รอดมาได้ จนมาถึงยุคสินค้าจีนราคาถูกบุกตลาดไทยก็ถึงคราวต้องปรับตัวครั้งใหญ่เรียกว่า 360 องศาดึงจุดแข็งที่มีอยู่ทั้งหมดออกมา สร้างนวัตกรรม ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้เป็นทางเลือกที่ดีกว่าสินค้าจีนให้ได้ เพิ่มบริการหลังการขายครบวงจร เน้นปรับปรุงและซ่อมแซมควบคู่การติดตั้งใหม่ 

ลงทุนAIและเครื่องจักร200ล้านบาท

“สมพงษ์ วาทินชัย” รองกรรมการผู้จัดการและประธานฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ดีไซน์ ออลเทอร์เนทีฟ จำกัด เปิดเผยว่าเพื่อรองรับการการเปลี่ยนแปลงที่ทันสมัยและเป็นการธุรกิจแบบยั่งยืนลดการใช้แรงงานคนลงในบางส่วนและจัดสรรคนไปให้ถูกกับงานมากขึ้น  10 ปีก่อนบริษัทมีการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี AI และเครื่องจักรที่ทันสมัยด้วยเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาทเป็นการลงทุนโปรแกรม 20 ล้านบาท เทคโนโลยี AI 10 ล้านบาท และเครื่องจักร 180 ล้านบาท ทำให้ในกระบวนการผลิตมีการคำนวณวัตถุดิบในการผลิตทำให้เหลือขยะจากการผลิตน้อยลง จากเดิมที่มีถึง 30% เหลือ เพียง 5% เท่านั้น

ขณะที่กำลังแรงงานในส่วนการผลิตของหนักๆ มีเพียง 20 คน จาก 100 คน โดยมีการพัฒนาให้เป็นช่างติดตั้ง ช่างคุมเครื่องจักร ทำให้ได้เงินเดือนที่ดีกว่า และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  โดยใช้เครื่องจักรนำเข้าจากประเทศเยอรมนี ควบคุมระบบการผลิตด้วยคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและคุณภาพให้ได้มาตรฐานสากล ลดการใช้แรงงานคนและลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต และยังช่วยลดของเสียที่จะเกิดขึ้นในกระบวนการผลิต 

เน้นคุณภาพแข่งสินค้า“จีน”ราคาถูก

“เอสเอ็มอี นอกจากจะพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้คุณภาพและแข่งขันได้แล้ว ต้องพยายามไม่ให้มีขยะเหลือไว้ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน การนำเทคโนโลยี AI จะช่วยออกแบบให้เหลือวัสดุทิ้งน้อยมาก ไม้ที่เหลือ นำไปขายเพื่อให้คนรับซื้อไปเผาเป็นถ่าน เศษผ้า เศษหนัง เราก็นำมาทำของชำร่วยให้ลูกค้า มีเพียง 5% ที่นำไปเผาและฝังกลบ”

ท่ามกลางสถานการณ์สินค้าราคาถูกจากจีนราคาถูกกำลัง เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ในขณะนี้ “สมพงษ์” ยอมรับว่ากังวลใจและเป็นห่วงผู้ผลิตในประเทศ ซึ่งไม่แน่ใจว่าหน่วยงานภาครัฐมีมาตรการในการดูแลคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัยของสินค้า การปนเปื้อนของสารเคมีที่อาจเป็นอันตรายทั้งต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมหรือไม่อย่างไร 

ขณะที่ SME ไทย เน้นการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาลจะออกกฎหมายควบคุมคุณภาพสินค้าของจีนที่เข้ามาทำตลาดในไทยด้วย ว่าจะต้องไม่มีสารพิษ สารเคมี ปนเปื้อนข้ามาในประเทศไทย มาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งต้องมีการลงทุนเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างๆ ไม่ใช่เน้นทำสินค้าราคาถูกเท่านั้น 

ทั้งนี้การปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ทั้งในตลาดในประเทศและส่งออกเป็นเป้าหมายที่ต้องไปให้ถึง การวิจัยและสร้างนวัตกรรม คือความยั่งยืน ที่ทำให้เราสามารถแข่งขันได้และการเป็นวัน สต็อป เซอร์วิส ให้กับลูกค้า คือทางรอดที่ยั่งยืน ซึ่งภายในปี 2570  ตามแผนจะนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงการขยายตลาดไปยังประเทศแถบยุโรป และอเมริกา ดังนั้นเรื่อง ESG จึงสำคัญมาก ต้องทำให้บริษัทมีความ Smart ในทุกด้าน เพื่อสร้างเสน่ห์ให้สินค้าทำให้ผู้บริโภคอยากซื้อสินค้าด้วยคุณภาพที่นอกจากลูกค้าจะได้ประโยชน์แล้วยังได้ช่วยโลกอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหนทางรอดของธุรกิจเอสเอ็มอีอีกทางหนึ่งก็คือ การหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมลงทุน แตกไลน์ธุรกิจ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้อยู่รอดได้ เพราะความสามารถแต่ละบริษัทมีแตกต่างกัน บริษัทที่สามารถทำให้คนเก่งๆมาอยู่ด้วยกัน มีความคิดไปในทิศทางเดียวกันจะสามารถสร้างธุรกิจให้มีความยั่งยืนอยู่รอดได้ในท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังผันผวน

“ปีที่แล้วงบประมาณล่าช้า โครงการภาครัฐสะดุด ขณะที่เอกชนก็ไม่กล้าลงทุน เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจจะดีขึ้น ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 15-20% โดยปีนี้คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 400 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการปรับแผนการทำธุรกิจเน้นสินค้าคุณภาพ และการให้บริการเริ่มตั้งแต่บริการให้คำปรึกษา การให้บริการหลังการขาย และซ่อมบำรุง ควบคู่กับการติดตั้งใหม่ไปด้วย ”