‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ บริจาคเงินช่วย ‘ธนาคารอาหาร’ ต่อชีวิตชาวยุโรป สหรัฐนับแสน
"เทย์เลอร์ สวิฟต์" บริจาคเงินช่วย "ธนาคารอาหาร" ทั่วสหรัฐ และยุโรป ด้วยจำนวนเงินที่พอซื้ออาหารได้ตลอดทั้งปี สามารถต่อชีวิตประชาชนนับแสนคน ที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ราคาอาหารพุ่งสูง
KEY
POINTS
- "เทย์เลอร์ สวิฟต์" บริจาคเงินช่วย "ธนาคารอาหาร" ทั่วสหรัฐ และยุโรป ด้วยจำนวนเงินที่พอซื้ออาหารได้ตลอดทั้งปี สามารถต่อชีวิตประชาชนนับแสนคน ที่ต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ ราคาอาหารพุ่งสูง
- ตอนนี้ธนาคารอาหารต้องลดจำนวนอาหารที่แจกให้ประชาชน เนื่องจากมีคนบริจาคเงินให้น้อยลง แต่ต้องช่วยคนมากเท่ากับยุคโควิด-19
- ธนาคารอาหารมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้หลายล้านเมตริกตัน จากการช่วยรักษาอาหารที่ถูกทิ้ง ทั้งที่ยังมีคุณภาพดี
เมื่อเดือนมิถุนายน 2567 ธนาคารอาหารกรุงคาร์ดิฟฟ์ ในเวลส์ ได้รับเงินบริจาคมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ภายหลังซีอีโอขององค์กรได้เปิดเผยว่า ผู้ที่บริจาครายใหญ่นั่นก็คือ “เทย์เลอร์ สวิฟต์” ศิลปินดังชื่อก้องโลก โดยเธอได้ธนาคารอาหารทั่วสหราชอาณาจักร ยุโรป และอเมริการะหว่างทัวร์ “The Eras Tour” คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล
เงินทุนที่สวิฟต์บริจาคจะนำไปใช้เป็นค่าอาหารหลายแสนมื้อ เพื่อช่วยเหลือชาวยุโรป และอเมริกันจำนวนมาก ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้กับค่าอาหาร และที่อยู่อาศัยที่เพิ่มสูงขึ้น เฉพาะเงินบริจาคที่ธนาคารอาหารกรุงคาร์ดิฟฟ์ได้รับ สามารถช่วยชีวิต 1,200 คนให้มีอาหารกินวันละ 3 มื้อ ได้ 3 วันติดต่อกัน หรือคิดเป็นอาหารทั้งหมด 10,800 มื้อ
“เงินบริจาคของเทย์เลอร์ทำให้เรามีกำลังใจ และสร้างการดำเนินงานที่ยั่งยืน สำหรับสนับสนุนผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา และช่วยแก้ไขปัญหาความยากจน และการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถช่วยเหลือตนเองได้ และไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเราอีกต่อไป” ราเชล บิ๊กส์ ซีอีโอ ของธนาคารอาหารคาร์ดิฟฟ์กล่าว
ในช่วงที่สวิฟต์ทัวร์คอนเสิร์ตในสหราชอาณาจักร เธอได้บริจาคเงินให้แก่ธนาคารอาหารในลิเวอร์พูล และเอดินบะระด้วย โดย edinfoodproject ได้โพสต์บนอินสตาแกรมพร้อมข้อความว่า “ขอบคุณมากเทย์เลอร์ คุณได้เปลี่ยนแปลงเอดินบะระไปตลอดกาล”
ริช โจนส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเครือข่ายชุมชนเซนต์แอนดรูว์ในลิเวอร์พูล ซึ่งจัดการธนาคารอาหาร 11 แห่ง กล่าวว่า เงินบริจาคของสวิฟต์จะช่วยให้มีอาหารเพียงพอสำหรับหนึ่งปีเต็ม ขณะที่ Crosscare องค์กรการกุศลด้านอาหารในดับลินได้รับเงินบริจาค 25,000 ยูโรจากนักร้องดัง
“พูดได้ว่าเทย์เลอร์ สวิฟต์ จ่ายค่าอาหารให้เราเกือบ 12 เดือนแล้ว ซึ่งทำให้เรามีเวลาหายใจหายคอ และมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการระดมทุนในอนาคต พร้อมดูว่าเราจะสามารถให้คำแนะนำทางการเงิน งานเพิ่มรายได้ สวัสดิการสังคม และงานแก่ผู้คนที่มาใช้บริการได้อย่างไร”
ระหว่างทัวร์ในยุโรป สวิฟต์ได้บริจาคเงินจำนวนมากให้กับ Voedselbank Amsterdam นาคารอาหารของเมืองหลวงของเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้องค์กรไม่ได้เปิดเผยว่านักร้องสาวบริจาคเงินไปเท่าไร แต่โฆษกขององค์กรบอกกับ NL Times ว่า “เราคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ซูเปอร์สตาร์อย่างเทเลอร์ สวิฟต์ จะเข้าถึงผู้คนที่ต้องการความช่วยเหลือ”
ปีที่แล้วระหว่างที่สวิฟต์ออกทัวร์ทั่วสหรัฐ เธอก็ได้บริจาคเงินให้กับธนาคารอาหารของสหรัฐด้วย ซึ่งสามารถช่วยให้ชาวสหรัฐมีอาหารกินไปหลายแสนมื้อ หลังจากความไม่มั่นคงด้านอาหารเพิ่มสูงขึ้น และความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จากรัฐบาลกลางสหรัฐได้สิ้นสุดลง
ชาวอเมริกันอย่างน้อย 49 ล้านคนต้องพึ่งพาอาหารจากธนาคารอาหาร และองค์กรการกุศลอื่นๆ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง 18-34 ปี กล่าวว่า ราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ถือเป็นปัญหาทางการเงินที่สำคัญที่สุดของพวกเขา
"ธนาคารอาหาร" ขาดเงินทุน
ตามข้อมูลของ Feeding America เครือข่ายธนาคารอาหาร โรงอาหาร และโครงการอาหารท้องถิ่นทั่วประเทศ ระบุว่า ธนาคารอาหารมักจะพึ่งพาเงินบริจาคจากบุคคลและองค์กร การบริจาคจากเกษตรกร และผู้ค้าปลีกในท้องถิ่น และโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลกลาง เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่อไป
แต่ในขณะนี้ธนาคารอาหารกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก เพราะชุมชนมีความต้องการอาหารที่สูงกว่าปกติ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนอาหาร และพลังงานที่สูงขึ้น จนคนไม่สามารถหาซื้ออาหารได้
Second Harvest of Silicon Valley หนึ่งในองค์กรที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากสวิฟต์ กล่าวว่าเธอเป็นเหมือนแสงส่องสว่างให้ผู้คนจำนวนมาก แต่สถานการณ์ขององค์กรก็ยังไม่ดีมากนัก เนื่องจากแรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์ถูกเลิกจ้างจำนวนมาก ทำให้พวกเขาไม่มีเงินมาบริจาคให้องค์กร
โซบานา กุบบี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการกุศลของ Second Harvest of Silicon Valley กล่าวว่า ผู้คนกำลังกังวลกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเริ่มบริจาคน้อยลง และเมื่อการบริจาคลดลง ก็หมายถึงองค์กรมีเงินลดลงเช่นกัน ทำให้ Second Harvest จำเป็นต้องมีมาตรการรัดเข็มขัด
กุบบี ระบุว่า ในตอนนี้องค์กรต้องลดจำนวนพนักงานลง และต้องลดจำนวนอาหารที่แจกให้ประชาชนด้วย โดยลดปริมาณนมลงเหลือแค่ครึ่งแกลลอน จากเดิมที่แจกทั้งแกลลอน รวมถึงแจกเนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมสลับสัปดาห์กัน เพราะองค์กรต้องช่วยเหลือผู้คนราว 500,000 คนต่อเดือน ซึ่งเท่ากับช่วงพีคของยุคโควิด-19
"ธนาคารอาหาร" ช่วยลดโลกร้อน
ธนาคารอาหารมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้หลายล้านเมตริกตัน จากการช่วยรักษาอาหารที่ถูกทิ้ง ทั้งที่ยังมีคุณภาพดี
Global Foodbanking Network ซึ่งสนับสนุนองค์กรการกุศลด้านอาหารในกว่า 50 ประเทศ รายงานว่า องค์กรสมาชิกได้แจกอาหารไปแล้ว 1,700 ล้านมื้อในปี 2023 ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.7 ล้านเมตริกตัน
"ธนาคารอาหาร" ขาดเงินทุน
ตามข้อมูลของ Feeding America เครือข่ายธนาคารอาหาร โรงอาหาร และโครงการอาหารท้องถิ่นทั่วประเทศ ระบุว่า ธนาคารอาหารมักจะพึ่งพาเงินบริจาคจากบุคคลและองค์กร การบริจาคจากเกษตรกร และผู้ค้าปลีกในท้องถิ่น และโครงการช่วยเหลือของรัฐบาลกลาง เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่อไป
แต่ในขณะนี้ธนาคารอาหารกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างมาก เพราะชุมชนมีความต้องการอาหารที่สูงกว่าปกติ เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ต้นทุนอาหาร และพลังงานที่สูงขึ้น จนคนไม่สามารถหาซื้ออาหารได้
Second Harvest of Silicon Valley หนึ่งในองค์กรที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากสวิฟต์ กล่าวว่าเธอเป็นเหมือนแสงส่องสว่างให้ผู้คนจำนวนมาก แต่สถานการณ์ขององค์กรก็ยังไม่ดีมากนัก เนื่องจากแรงงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในซิลิคอนวัลเลย์ถูกเลิกจ้างจำนวนมาก ทำให้พวกเขาไม่มีเงินมาบริจาคให้องค์กร
โซบานา กุบบี หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการกุศลของ Second Harvest of Silicon Valley กล่าวว่า ผู้คนกำลังกังวลกับความมั่นคงในหน้าที่การงาน และเริ่มบริจาคน้อยลง และเมื่อการบริจาคลดลง ก็หมายถึงองค์กรมีเงินลดลงเช่นกัน ทำให้ Second Harvest จำเป็นต้องมีมาตรการรัดเข็มขัด
กุบบี ระบุว่า ในตอนนี้องค์กรต้องลดจำนวนพนักงานลง และต้องลดจำนวนอาหารที่แจกให้ประชาชนด้วย โดยลดปริมาณนมลงเหลือแค่ครึ่งแกลลอน จากเดิมที่แจกทั้งแกลลอน รวมถึงแจกเนื้อสัตว์ ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมสลับสัปดาห์กัน เพราะองค์กรต้องช่วยเหลือผู้คนราว 500,000 คนต่อเดือน ซึ่งเท่ากับช่วงพีคของยุคโควิด-19
"ธนาคารอาหาร" ช่วยลดโลกร้อน
ธนาคารอาหารมีบทบาทสำคัญในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้หลายล้านเมตริกตัน จากการช่วยรักษาอาหารที่ถูกทิ้ง ทั้งที่ยังมีคุณภาพดี
Global Foodbanking Network ซึ่งสนับสนุนองค์กรการกุศลด้านอาหารในกว่า 50 ประเทศ รายงานว่า องค์กรสมาชิกได้แจกอาหารไปแล้ว 1,700 ล้านมื้อในปี 2023 ซึ่งวิธีนี้ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 1.7 ล้านเมตริกตัน
เมื่ออาหารลงไปอยู่บ่อขยะ จนเข้าสู่กระบวนการย่อยสลาย ขยะอาหารจะปล่อยก๊าซมีเทนออกมาในปริมาณมาก และเมื่ออาหารถูกทิ้งไป ก็เท่ากับว่าการเสียพลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขั้นตอนการเพาะปลูก ขนส่ง และแปรรูป ได้สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
ที่มา: ABC News, Euro News, Thred
สูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์