‘ภาวะโลกรวน - ภัยแล้ง’ เป็นเรื่องใหญ่ เตรียมปล่อยอีโมจิ ‘ต้นไม้ตาย’ ปีหน้า

‘ภาวะโลกรวน - ภัยแล้ง’ เป็นเรื่องใหญ่ เตรียมปล่อยอีโมจิ ‘ต้นไม้ตาย’ ปีหน้า

เนื่องจากภัยแล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น เตรียมปล่อยอีโมจิ "ต้นไม้ตาย" พร้อมให้ใช้งานบนโทรศัพท์ในครึ่งปีแรกของปี 2025

KEY

POINTS

  • อีโมจิ “ต้นไม้ตาย” (dead tree) หรือ “ต้นไม้ไร้ใบ” (leafless tree) เป็นหนึ่งในอีโมจิใหม่ที่จะได้ใช้กันในปี 2025
  • อีโมจิต้นไม้ไร้ใบสามารถสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ในแต่ละปีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 13 ล้านคน

ทุกวันนี้ทั่วโลกต่างได้รับผลกระทบจาก “ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสำคัญ ไม่เว้นแม้แต่วงการเทคโนโลยี ที่ล่าสุดเตรียมปล่อย “อีโมจิ” ใหม่ เป็นรูป “ต้นไม้ตาย” เพื่อให้สามารถพูดคุยถึงปัญหาภัยแล้ง และ “ภาวะโลกร้อน” ได้เห็นภาพมากขึ้น

Unicode Consortium หน่วยงานที่ดูแลมาตรฐานอีโมจิ เปิดเผยว่าในปี 2024 จะมีอีโมจิใหม่ ๆ มาให้ได้ใช้กันในปี 2025 หลายตัว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ต้นไม้ตาย” (dead tree) หรือ “ต้นไม้ไร้ใบ” (leafless tree) ซึ่งเป็นลักษณะไม้ยืนต้นตาย ไม่มีใบไม้

โดยอีโมจินี้ ได้รับการเสนอครั้งแรกในปี 2022 จากไบรอัน ไบฮากิ เพื่อเพิ่มการช่องทางการสื่อสารผ่านข้อความด้านสิ่งแวดล้อม

“ภัยแล้งเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรสภาพภูมิอากาศตามธรรมชาติ แต่ตอนนี้สภาพภูมิอากาศกำลังเปลี่ยนแปลง และภัยแล้งกำลังเกิดขึ้นบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น และกระจายไปยังที่อื่นๆ ในที่สุดต้นไม้ที่มีอยู่ก็จะหมดลง” ไบฮากิ กล่าว

‘ภาวะโลกรวน - ภัยแล้ง’ เป็นเรื่องใหญ่ เตรียมปล่อยอีโมจิ ‘ต้นไม้ตาย’ ปีหน้า อีโมจิ ต้นไม้ตาย หรือ ต้นไม้ไร้ใบ
เครดิตภาพ: เอ็กซ์ Emojipedia

นับตั้งแต่ไบฮากิส่งยื่นเสนออีโมจินี่ ภัยแล้งก็เกิดเพิ่มขึ้นทั่วโลก เฉพาะปีนี้ ภัยแล้งส่งผลกระทบต่อการผลิตกาแฟ และผลผลิตอื่นๆ ของบราซิล แม่น้ำมิสซิสซิปปี และคลองปานามาแห้งคอด ทำให้การเดินทางขนส่งทางเรือทำได้อย่างยากลำบาก ส่วนในสเปนก็เจอปัญหาขาดแคลนน้ำ และส่งผลกระทบอื่นๆ ทั่วทั้งโลก

จากรายงานล่าสุดขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า คาดว่าภาวะภัยแล้งจะเลวร้ายลงตลอดศตวรรษที่ 21 แม้ว่าจะมีการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็ตาม ซึ่งผลกระทบดังกล่าวส่งผลเสียต่อสุขภาพอยู่แล้วผ่านมลพิษทางอากาศ โรคภัย สภาพอากาศที่เลวร้าย การอพยพย้ายถิ่นฐาน การขาดแคลนอาหาร และแรงกดดันต่อสุขภาพจิต ในแต่ละปีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมคร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 13 ล้านคน

“สิ่งที่เกิดขึ้นในปี 2022 ยังคงสร้างผลกระทบต่อเนื่องในปัจจุบัน และอนาคต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่ยาวนาน โดยเฉพาะในโลกดิจิทัลที่ข้อมูลทุกอย่างจะอยู่ยาวนาน ในโลกปัจจุบันอาจจะอยู่ได้แค่ 2 ปี แต่สำหรับพื้นที่ดิจิทัลอาจเท่ากับ 200 ปีก็ได้” เจนนิเฟอร์ แดเนียล ประธานคณะอนุกรรมการอีโมจิแห่ง Unicode Consortium กล่าว

อีโมจิอาจไม่ใช่ช่องทางการสื่อสารในอันดับแรกๆ ที่คนจะใช้ในการต่อสู้กับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่การมีอีโมจิต้นไม้ตายสามารถสะท้อนถึงความต้องการของผู้คนในการสื่อสารเกี่ยวกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น

สก็อตต์ วาร์ดา รองศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารที่มหาวิทยาลัยเบย์เลอร์ กล่าวว่า “อีโมจิต้นไม้ไร้ใบสามารถสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แม้ว่าเขาอาจไม่ได้สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ นอกเหนือจากการส่งข้อความเหล่านี้ออกไป”

ต้นไม้ตายเป็น 1 ใน 8 อีโมจิบ่อยที่จะปล่อยมาให้ใช้งานบนโทรศัพท์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ร่วมกับอีโมจิลายนิ้วมือ ฮาร์ป สาดน้ำ พลั่ว พืชราก ใบหน้าที่มีขอบตาคล้ำ และถุงใต้ตา (Bags Under Eyes) และธงของหมู่เกาะแชเนิล

“สิ่งแวดล้อมไม่ใช่กระแสแฟชั่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ในชีวิตประจำวันของเรา ภัยแล้งกลายเป็นเรื่องธรรมดา และรุนแรงมากขึ้น ระบบนิเวศหลายแห่งพังทลาย คาดว่าอีโมจินี้จะได้รับความนิยมมากขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า” ไบฮากี เขียนในงานนำเสนอของเขา


ที่มา: BloombergCNNInternational Business Times

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์