เปิดดัชนีจีนี จัดอันดับ "ความเหลื่อมล้ำ" ด้านรายได้ ไทยอันดับ 103 ของโลก
The Gini Coefficient เปรียบเทียบความไม่เท่าเทียมในแต่ละประเทศ ในด้านรายได้ ประเทศไทยมีความไม่เท่าเทียมทางรายได้สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (EAP) เมื่อปี 2021 ขณะที่ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงในโลกปี 2024 คือ แอฟริกาใต้ ส่วนไทยอันดับที่ 103
ความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ และความมั่งคั่งเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในหลายด้าน ความเหลื่อมล้ำในด้านการกระจายรายได้ และทรัพย์สินที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างบุคคล และกลุ่มต่างๆ ของแต่ละประเทศสามารถนำไปสู่ความท้าทายทางสังคม และเศรษฐกิจอย่างมาก
นักเศรษฐศาสตร์มักใช้ค่าสัมประสิทธิ์จีนี (The Gini Coefficient) ในการวัด และเปรียบเทียบระดับความไม่เท่าเทียมกันในแต่ละประเทศ ค่าสัมประสิทธิ์จีนีที่สูงขึ้นบ่งชี้ถึงความไม่เท่าเทียมกันที่มากขึ้น ซึ่งประชากรส่วนน้อยควบคุมทรัพย์สินส่วนใหญ่ ในขณะที่ค่าสัมประสิทธิ์ที่ต่ำกว่าบ่งชี้ถึงการกระจายที่เท่าเทียมกันมากขึ้น การแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ และความมั่งคั่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างความสามัคคีในสังคม ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการพัฒนาที่ยั่งยืนทั่วโลก
วิธีดูค่าสัมประสิทธิ์จีนี ดังนี้
- ช่วงของดัชนีจีนีมีค่าตั้งแต่ 0 ถึง 1 (หรือ 0% ถึง 100%)
- ดัชนีจีนีที่มีค่า 0 แสดงถึงความเท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งทุกคนมีรายได้เท่ากัน
- ดัชนีจีนีที่มีค่า 1 (หรือ 100%) แสดงถึงความไม่เท่าเทียมกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งมีคนหนึ่งคนที่มีรายได้ทั้งหมด และคนอื่นๆ ไม่มีรายได้เลย
- การคำนวณ: มันถูกคำนวณจากเส้นโค้งลอเรนซ์ (Lorenz curve) ซึ่งแสดงรายได้หรือความมั่งคั่งสะสมของประชากรเทียบกับจำนวนคนสะสม
- การตีความ ดัชนีจีนีที่ต่ำกว่าบ่งบอกถึงการกระจายรายได้หรือความมั่งคั่งที่เท่าเทียมกันมากขึ้น ในขณะที่ดัชนีจีนีที่สูงกว่าบ่งบอกถึงความไม่เท่าเทียมกันที่มากขึ้น
ดัชนีจีนีสูง (ความเหลื่อมล้ำสูง)
ประเทศที่มีดัชนีจีนีสูงมีความแตกต่างกันอย่างมากในแง่ของความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ โดย 10 อันดับดัชนีจีนีสูงสุด มีดังนี้
- แอฟริกาใต้ 63.0%
- นามิเบีย 59.1%
- ซูรินาเม 57.9%
- แซมเบีย 57.1%
- เซาตูเม และปรินซิปี 56.3%
- สาธารณรัฐแอฟริกากลาง 56.2%
- เอสวาตินี (สวาซิแลนด์) 54.6%
- โมซัมบิก 54.0%
- บราซิล 53.4%
- บอตสวานา 53.3%
ดัชนีจีนีต่ำ (ความเหลื่อมล้ำต่ำ)
ประเทศที่มีค่าสัมประสิทธิ์ Gini ต่ำที่สุด บ่งบอกถึงการกระจายรายได้ที่เท่าเทียมกันมากที่สุด มักจะพบในยุโรป ตัวอย่างประเทศที่มีค่าสัมประสิทธิ์ Gini ต่ำที่สุด ดังนี้
- สโลวีเนีย 24.6%
- สาธารณรัฐเช็ก 25.0%
- สโลวาเกีย 25.3%
- เบลารุส 24.4%
- ยูเครน 25.0%
- นอร์เวย์ 27.0%
- ฟินแลนด์ 27.1%
- ไอซ์แลนด์ 26.0%
- เดนมาร์ก 27.7%
- สวีเดน 28.8%
ค่าสัมประสิทธิ์จีนีของไทย
World Bank เคยรายงานไว้ว่า ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมีความก้าวหน้าในการลดความไม่เท่าเทียมกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ความไม่เท่าเทียมกันยังคงสูงอยู่
โดยในปี 2021 ไทยมีค่าสัมประสิทธิ์จีนีรายได้ที่ 43.3% ทำให้ไทยมีระดับความไม่เท่าเทียมกันด้านรายได้สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก (East Asia and Pacific : EAP) และอยู่ในอันดับที่ 13 ของ 63 ประเทศที่มีค่าสัมประสิทธิ์จีนีรายได้ความไม่เท่าเทียมกันสูงเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาจากการกระจุกตัวของรายได้ และความมั่งคั่ง
เนื่องจากว่าครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งของประเทศอยู่ในมือของประชากรที่ร่ำรวยที่สุด 10% ทั้งนี้ในปี 2019 ความยากจนในชนบทมีอัตราสูงกว่าพื้นที่เมืองถึง 3 จุดเปอร์เซ็นต์ และจำนวนคนจนในชนบทมากกว่าคนจนในเมืองเกือบ 2.3 ล้านคน
จากข้อมูลของ Data Pandas ปี 2024 ไทยมีค่าสัมประสิทธิ์จีนีรายได้ที่ 34.9% ทำให้ไทยเป็นอันดับที่ 103 ของโลก
กลยุทธ์ลดความเหลื่อมล้ำ
หลายประเทศได้นำกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาใช้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ต่อไปนี้คือ ตัวอย่างบางส่วน
ประเทศนอร์ดิก (สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์)
การเก็บภาษีแบบก้าวหน้า : ประเทศเหล่านี้มีระบบภาษีแบบก้าวหน้าสูง โดยผู้มีรายได้สูงจะจ่ายภาษีเป็นเปอร์เซ็นต์ของรายได้ที่สูงขึ้น ซึ่งจะช่วยกระจายความมั่งคั่งให้ทั่วถึงมากขึ้นในกลุ่มประชากร
ระบบความปลอดภัยทางสังคมที่แข็งแกร่ง : โปรแกรมสวัสดิการที่ครอบคลุมให้การสนับสนุนด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษา การว่างงาน และที่อยู่อาศัย ช่วยให้พลเมืองทุกคนมีมาตรฐานการครองชีพสูง
การศึกษา และการดูแลสุขภาพถ้วนหน้า : ทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษา และการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพได้ ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่สำคัญเหล่านี้
เยอรมนี
การฝึกอาชีพ : ระบบการศึกษาคู่ขนานของเยอรมนีผสมผสานการฝึกงานในบริษัทกับการศึกษาด้านอาชีพในโรงเรียน ช่วยให้เยาวชนมีทักษะในการปฏิบัติงาน และลดการว่างงานของเยาวชน
เศรษฐกิจตลาดสังคม : รูปแบบนี้สร้างสมดุลระหว่างทุนนิยมตลาดเสรีกับนโยบายทางสังคมที่รับรองการแข่งขันที่เป็นธรรม และสวัสดิการสังคม
เกาหลีใต้
การปฏิรูปการศึกษา : เกาหลีใต้ได้ลงทุนอย่างหนักในด้านการศึกษา ส่งผลให้มีอัตราการรู้หนังสือสูง และแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งช่วยลดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้โดยให้โอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน
นโยบายเศรษฐกิจ: นโยบายที่มุ่งเน้นการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และส่งเสริมนวัตกรรมได้ช่วยสร้างเศรษฐกิจที่ครอบคลุมมากขึ้น
แคนาดา
ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า: ระบบประกันสุขภาพของแคนาดาที่ได้รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐช่วยให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ ลดความไม่เท่าเทียมกันด้านสุขภาพ
โครงการทางสังคม: โครงการต่างๆ เช่น Canada Child Benefit ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ครอบครัวที่มีบุตร ช่วยลดความยากจน และความเหลื่อมล้ำของเด็ก
บราซิล
การโอนเงินตามเงื่อนไข : โครงการ Bolsa Família ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ครอบครัวที่มีรายได้น้อย โดยมีเงื่อนไขว่าเด็กต้องเข้าเรียนในโรงเรียน และได้รับวัคซีน ซึ่งจะช่วยลดความยากจน และปรับปรุงผลลัพธ์ด้านการศึกษา และสุขภาพ
นิวซีแลนด์
การเคลื่อนไหวเพื่อค่าครองชีพขั้นต่ำ: นิวซีแลนด์ได้นำนโยบายมาใช้เพื่อให้แน่ใจว่าคนงานจะได้รับค่าครองชีพขั้นต่ำ ซึ่งสูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ และเพียงพอต่อการดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน
นโยบายที่อยู่อาศัย: ความพยายามที่จะเพิ่มที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และลดจำนวนคนไร้บ้านถือเป็นเรื่องสำคัญ ช่วยแก้ไขปัจจัยสำคัญประการหนึ่งของความไม่เท่าเทียมกัน
แม้ว่าค่าสัมประสิทธิ์จีนีจะมีประโยชน์ในการวิเคราะห์การกระจายความมั่งคั่งหรือรายได้ในประเทศ แต่ก็ไม่ได้บ่งชี้ความมั่งคั่งหรือรายได้โดยรวมของประเทศนั้นๆ โดยประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกบางประเทศ เช่น สาธารณรัฐแอฟริกากลาง มีค่าสัมประสิทธิ์จีนีสูงที่สุด (63%) ประเทศที่มีรายได้สูง และประเทศที่มีรายได้ต่ำอาจมีค่าสัมประสิทธิ์จีนีเท่ากัน นอกจากนี้ เนื่องด้วยข้อจำกัด เช่น ข้อมูล GDP และรายได้ที่เชื่อถือได้ ดัชนีจีนีอาจระบุความไม่เท่าเทียมกันของรายได้เกินจริง และไม่แม่นยำ
อ้างอิง : Data Pandas, World Bank
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์