ออสเตรเลีย บนเวที SX2024 เผยวิสัยทัศน์เกษตรยั่งยืน ลดคาร์บอนเพื่อโลก

ออสเตรเลียเข้าร่วมงาน Sustainability Expo 2024 ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน - 6 ตุลาคม 2024 โดยมีคณะผู้แทนภาคธุรกิจจากออสเตรเลียกว่า 20 แห่งที่ครอบคลุมภาคส่วนต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีการเกษตร เมืองอัจฉริยะ และทักษะสีเขียว เดินทางมายังกรุงเทพฯ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจเศรษฐกิจสีเขียวของออสเตรเลี นำโดย Austrade ซึ่งภารกิจของออสเตรเลียใน SX2024 ครั้งนี้ นอกจากการแบ่งปันแนวปฏิบัติ ยังเป็นการสำรวจโอกาสการค้าและการลงทุนสองทางระหว่างออสเตรเลียและประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการจับคู่ธุรกิจระหว่าง 2 ประเทศด้วย

พันธกิจเศรษฐกิจสีเขียว

“ดร. แอนเจลา แมคโดนัลด์” เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ออสเตรเลียเข้าร่วม Sustainability Expo เป็นครั้งแรก และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้สนับสนุนประเทศไทยในงานนี้ โดยนำความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีการเกษตร เมืองอัจฉริยะ และพลังงานสีเขียวมาแบ่งปัน นอกจากนั้น การได้มา SX2024 ยังได้เรียนรู้จากประเทศไทยด้วย

“เศรษฐกิจสีเขียวคือเศรษฐกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ ใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งออสเตรเลียมีชื่อเสียงในฐานะผู้นำด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลกและมหาอำนาจด้านพลังงานหมุนเวียน ทำให้ออสเตรเลียได้รับการจัดอันดับที่ 11 ของโลกในด้านโปรแกรมและการวิจัยด้านความยั่งยืน และการสร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมเฉพาะ เช่น พลังงานหมุนเวียน เกษตรกรรม และการศึกษา"

ในบริบทสำหรับภารกิจทางธุรกิจ รัฐบาลออสเตรเลียมุ่งมั่นที่จะเพิ่มความมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันในอนาคต โดยในเดือนกันยายน 2023 นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียได้เปิดตัว "Invested" ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียถึงปี 2040 ยุทธศาสตร์นี้กำหนดเส้นทางที่เป็นรูปธรรมเพื่อเพิ่มการค้าและการลงทุนสองทางระหว่างออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์นี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้ประกาศชุดของโครงการริเริ่ม รวมถึงโครงการแลกเปลี่ยนธุรกิจออสเตรเลีย-เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เศรษฐกิจสีเขียวเป็นหนึ่งในสิบภาคส่วนที่มีความสำคัญที่ระบุไว้ในยุทธศาสตร์สำหรับความร่วมมือนี้ โดย Austrade จะเป็นผู้นำภารกิจแลกเปลี่ยนธุรกิจไปยังประเทศไทย

เส้นทางลดคาร์บอนภาคเกษตร

“ซู แม็คคลัสกี้” ตัวแทนพิเศษด้านการเกษตรคนแรกของออสเตรเลีย กล่าวว่า ความยั่งยืนไม่ใช่แค่คำพูดที่เป็นที่นิยม แต่เป็นรากฐานของอนาคตการเกษตร เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การขาดแคลนทรัพยากร และประชากรโลกที่เพิ่มขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องนำแนวปฏิบัติที่รับประกันความยืนยาวและสุขภาพของที่ดิน น้ำ และระบบนิเวศ

การเกษตรของออสเตรเลียอยู่ในแนวหน้าของนวัตกรรมและความยั่งยืน และเราเป็นผู้บุกเบิกการนำเทคโนโลยีและแนวปฏิบัติที่ทันสมัยในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่เพิ่มผลผลิต ตั้งแต่การทำฟาร์มที่แม่นยำ การเกษตรเชิงฟื้นฟู ไปจนถึงระบบชลประทานที่ใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการบูรณาการพลังงานหมุนเวียน อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนเป็นมากกว่าเทคโนโลยี เพราะมันเกี่ยวกับผู้คนและชุมชน

ดังนั้น การทำให้แน่ใจว่าพื้นที่ชนบทและภูมิภาคจะเจริญรุ่งเรือง เกษตรกรต้องได้รับการสนับสนุน และคนรุ่นต่อไปสามารถผลิตอาหารที่ยั่งยืนได้ต่อไป

“การเกษตรที่ยั่งยืนเป็นหัวใจสำคัญของอนาคตที่เราต้องการสร้าง ทั้งประเทศไทยและออสเตรเลียต่างมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน เพื่อรับมือกับความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการขาดแคลนทรัพยากร

ไทยมีความคล้ายคลึงกับออสเตรเลียตรงที่ มีประวัติศาสตร์อันยาวนานในด้านการเกษตร และมีความเชี่ยวชาญในหลายด้านที่ออสเตรเลียสามารถเรียนรู้ได้ ในขณะเดียวกัน ออสเตรเลียก็มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนในภาคการเกษตรของไทยได้”

การร่วมมือระหว่างสองประเทศ จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีที่สำคัญ เราสามารถนำเทคโนโลยีการเกษตรที่ทันสมัยของออสเตรเลีย เช่น การเกษตรแม่นยำและการใช้พลังงานหมุนเวียน มาปรับใช้ในประเทศไทย เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ การร่วมมือยังสามารถสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ สำหรับเกษตรกรทั้งสองประเทศ การเปิดตลาดใหม่และการลดอุปสรรคทางการค้าจะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของเราสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น

ไบโอชาร์สร้างคุณค่าแก่ชุมชนและเศรษฐกิจ

“แจ็ค เบนเน็ตโต” (Jack Bennetto) Head of Origination Biocare Projects ประเทศออสเตรเลีย กล่าวว่า Biocare เป็นบริษัทที่มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดคาร์บอน (Carbon Dioxide Removal - CDR) โดยใช้เทคโนโลยีไบโอชาร์ (Biochar) ซึ่งเป็นกระบวนการที่นำชีวมวลที่เป็นของเสียมาผ่านกระบวนการไพโรไลซิส (Pyrolysis) เพื่อผลิตไบโอชาร์

โดยไบโอชาร์เป็นสารที่มีลักษณะคล้ายถ่าน สามารถเก็บกักคาร์บอนไว้ในดินหรือวัสดุที่มีอายุการใช้งานยาวนาน เช่น ซีเมนต์ ยางมะตอย โครงการของ Biocare Projects Australia มีการดำเนินงานทั่วโลก รวมถึงในออสเตรเลีย เอเชีย แปซิฟิก ละตินอเมริกา และสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ Biocare Projects Australia ยังให้บริการพัฒนาโครงการแบบครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบทางวิศวกรรม การปฏิบัติตามข้อกำหนดของทะเบียน การจัดหาเงินทุน และการขายเครดิต CDR บริษัทมีเป้าหมายในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว

“Biocare มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โครงการที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างคุณค่าให้กับชุมชนและเศรษฐกิจในระยะยาว เราเชื่อว่าความยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่คำพูด แต่เป็นการกระทำที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก เราได้ลงทุนในเทคโนโลยีที่ทันสมัยและการวิจัยเพื่อหาวิธีการใหม่ ๆ ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังมุ่งมั่นที่จะสร้างความร่วมมือกับภาคธุรกิจในประเทศต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาโครงการที่ยั่งยืน เราเห็นโอกาสมากมายในการร่วมมือกับภาคธุรกิจไทยในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานทดแทน การปรับปรุงกระบวนการผลิต หรือการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ เราคาดหวังว่าการมาร่วม SX2024 ครั้งนี้จะนำไปสู่การพัฒนาโครงการที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนกับภาคธุรกิจในไทย และเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ ความร่วมมือและความมุ่งมั่นจะสามารถสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้”

AI ขับเคลื่อน Supplychain ยั่งยืน

“นาโอมิ เวาเอิลส์” ผู้อำนวยการ Givvable กล่าวว่า กิฟเฟอะเบิลมุ่งมั่นในการสร้างแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ภาคธุรกิจสามารถตรวจสอบและติดตามความยั่งยืนของซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แพลตฟอร์มของบริษัทใช้เทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยในการสแกนข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ กว่า 2,500 แหล่ง เพื่อให้มั่นใจว่าธุรกิจสามารถค้นหาและตรวจสอบความยั่งยืนของซัพพลายเออร์ได้อย่างโปร่งใสและมีความรับผิดชอบ

ผลกระทบที่สำคัญของ Givvable ต่อสิ่งแวดล้อม ได้แก่

• การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน : ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกซัพพลายเออร์ที่มีความยั่งยืนและมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนต่ำ นอกจากนั้นยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนในกระบวนการผลิตและการจัดส่งสินค้า
• การส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ : ช่วยให้ธุรกิจสามารถตรวจสอบการใช้ทรัพยากรของซัพพลายเออร์ และเลือกซัพพลายเออร์ที่มีการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
• การลดของเสีย : สามารถตรวจสอบและติดตามกระบวนการผลิตของซัพพลายเออร์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดของเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตและการจัดส่งสินค้า
• การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน : ช่วยให้ธุรกิจสามารถค้นหาและเลือกซัพพลายเออร์ที่ใช้พลังงานทดแทนในการผลิต ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล

“การใช้ข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุน แต่ยังช่วยให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราเชื่อว่าความร่วมมือกับภาคธุรกิจไทยจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์โครงการที่ยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูง และเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน”

ความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

“ปีเตอร์ ฟ็อกซ์” ประธานกรรมการบริหาร Linfox และได้รับแต่งตั้งเป็น Business Champion to Thailand ในการประชุม ASEAN-Australia Summit ที่ Melbourne กล่าวว่า Linfox เป็นผู้นำในด้านโลจิสติกส์และโซลูชั่นซัพพลายเชน โดยดำเนินงานในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเอเชีย มีการดำเนินงานที่ตั้งอยู่บนเสาหลักของความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความยั่งยืน โดยใช้เทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมและความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทยังคงอยู่ในแนวหน้าของอุตสาหกรรม

สำหรับในประเทศไทยมี Linfox ได้ดำเนินงานในไทย ตั้งแต่ปี 1993 ให้บริการร้านค้ากว่า 3,200 แห่งต่อวัน ในด้านคลังสินค้า การขนส่งแบบรักษาอุณหภูมิ ไอที ความปลอดภัย และโซลูชั่นความปลอดภัยทำให้เราเป็นพันธมิตรที่เชื่อถือได้ในภูมิทัศน์โลจิสติกส์ของประเทศไทย

"ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งในดีเอ็นเอ Linfox การเดินทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนเริ่มขึ้นเมื่อกว่าทศวรรษที่แล้วด้วยการเปิดตัวโปรแกรม GreenFox ในปี 2008 ตั้งแต่นั้นมา บริษัทก็มีความก้าวหน้าอย่างมาก โดยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้กว่าครึ่ง

ความมุ่งมั่นของเราต่อความยั่งยืนสะท้อนได้จากความต่อเนื่องในการลงทุนในยานพาหนะไฟฟ้า คลังสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนการขนส่งสินค้าไปยังทางรถไฟ"

Linfox ร่วมมือกับ Volvo Trucks Australia ในการทำรถบรรทุกไฟฟ้าเข้าสู่กองยานพาหนะของ Linfox เป็นข้อพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นในการลดรอยเท้าคาร์บอน รวมถึงการใช้ระบบติดตามและตรวจสอบแบบเรียลไทม์เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและความถูกต้องของการจัดส่ง

"ในฐานะ Business Champion ของประเทศไทย ผมมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศ เพื่อบรรลุเป้าหมายความยั่งยืนร่วมกัน เพราะความท้าทายที่เราเผชิญ ตั้งแต่สภาพอากาศที่รุนแรงไปจนถึงความมั่นคงทางอาหาร ต้องการความพยายามร่วมกัน โดยการทำงานร่วมกัน จะสามารถสร้างอนาคตที่ยืดหยุ่นและยั่งยืนสำหรับทุกคน"