GC ดีเดย์! ขายเชื้อเพลิง SAF ม.ค.68 กำลังผลิตเบื้องต้น 5 แสนลิตรต่อวัน

GC ดีเดย์! ขายเชื้อเพลิง SAF ม.ค.68 กำลังผลิตเบื้องต้น 5 แสนลิตรต่อวัน

"GC" ดีเดย์! พร้อมผลิตเชื้อเพลิง SAF เชิงพาณิชย์เดือนม.ค.68 กำลังผลิตเบื้องต้น 5 แสนลิตรต่อวัน ย้ำสายการบินที่จะบินเข้าพื้นที่ประเทศจะต้องมีสัดส่วนของน้ำมัน SAF เบื้องต้น 1% จากการผสมน้ำมันทั้งหมด

นายณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ภายใต้แนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก” ว่า GC มีเป้าหมายในการเป็นองค์กรต้นแบบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนในระดับสากล ภายใต้วิสัยทัศน์ “การเป็นผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ระดับสากล เพื่อสร้างสรรค์คุณภาพชีวิต” พร้อมสร้างสมดุุลด้านความยั่งยืนผ่านการประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ใน 3 มิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจและการกำกับดูแลกิจการที่ดี มาเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี 

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี 2564 GC ได้กำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 ผ่านการกำหนดแผนงาน การวัดผลและการตรวจสอบที่ชัดเจน ซึ่งสิ่งที่เราดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องนี้ สอดคล้องกับข้อตกลงสำคัญหลายประการจากการประชุมผู้นำระดับโลกในหลายๆ เวที ผู้นำทั่วโลกต่างก็หยิบยกประเด็นความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดการปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาความยั่งยืน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา GC ดำเนินการตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ผ่านการดำเนินโครงการมากกว่า 200 โครงการ มีการใช้หลัก 5R ใช้พลังงานหมุนเวียน นำเทคโนโลยีและ Digitalization เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน รวมถึงแผนการบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือในกลุ่มปตท. ทั้งการศึกษาการกักเก็บ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจน  

ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่จะนำไปสู่ Net Zero ของภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย นอกจากนี้ GC ยังมีความร่วมมือครอบคลุมภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ในการปลูกและดูแลป่า ทั้งป่าบก ป่าชายเลน ป่าชุมชน จนมาถึงการศึกษาการปลูกข้าวนาเปียกสลับแห้ง

สำหรับงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และพัฒนาความร่วมมือ เพื่อบรรเทาปัญหาโลกเดือด และสร้างความยั่งยืนให้กับโลกใบนี้ พร้อมชวนทุกคนมาเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบ Net Zero Lifestyles รวมถึงจัดนิทรรศการผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยนำเสนอเคมีภัณฑ์เคลือบผิวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ตอบโจทย์การใช้งานในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่สีเคลือบผิวรถยนต์ สีพ่นตู้คอนเทนเนอร์ สีเฟอร์นิเจอร์ 

ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ Coating Resins จาก allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ลดการปล่อยของเสียในกระบวนการผลิต จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น  และยังมีผลิตภัณฑ์ไบโอเคมิคอล ไบโอพลาสติก หรือ พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ เช่น แคปซูลกาแฟ  บรรจุภัณฑ์ และเส้นใยสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ

GC ดีเดย์! ขายเชื้อเพลิง SAF ม.ค.68 กำลังผลิตเบื้องต้น 5 แสนลิตรต่อวัน

นอกจากนี้ GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบ ด้วยเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงให้สามารถรองรับวัตถุดิบเหลือใช้จากการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว สู่การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF ซึ่งถือเป็นพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable & Sustainable Energy ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม 

โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2568 โดยเบื้องต้นจะผลิต 500,000 ลิตร และจะเพิ่มปริมาณขึ้นต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าว่าจะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 20,000 ตันต่อปี โดยผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอน ISSC Plus และ ISSC Corsia ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์จากโครงการนี้ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้ง Value Chain

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าทางภาคของสายการบินในประเทศหลายรายก็มีความพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน เนื่องจากน้ำมันเครื่องบินที่ผลิตจากน้ำมันพืชที่ใช้แล้ว คุณสมบัติจะเหมือนกับน้ำมันเครื่องบินทุกประการ จึงทำให้ในส่วนของตัวเครื่องยนต์ แทบจะไม่ต้องดำเนินการอะไรเพิ่มเติม

ขณะเดียวกันในบางประเทศ ก็เริ่มมีการกำหนดกฎระเบียบออกมาบ้างแล้วให้สายการบินที่จะบินเข้าพื้นที่ประเทศจะต้องมีสัดส่วนของน้ำมัน SAF ผสมอยู่ในนั้น เบื้องต้นจะเป็นสัดส่วน 1% จากการผสมน้ำมันทั้งหมด สำหรับประเทศไทยอาจจะเป็นภาคสมัครใจอยู่ ไม่ว่าสายการบินใดก็ตาม แต่ก็ต้องบอกว่าเป็นการเดินหน้าที่จะสร้างระบบนิเวศน์ที่ดีในการเดินหน้า

“เรามองเห็นอนาคตที่ชัดเจนว่า ภาคการผลิตจะเปลี่ยนกระบวนการไปสู่การผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด แต่เป็นการลงทุนเพิ่มขึ้นในโซลูชันที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะทำให้ภาคการผลิตสามารถบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน” นายณะรงค์ศักดิ์ กล่าว