24 ต.ค. Day of Climate Action ไทยติดอันดับ 10 ประเทศรับผลกระทบรุนแรงที่สุด

24 ต.ค. Day of Climate Action ไทยติดอันดับ 10 ประเทศรับผลกระทบรุนแรงที่สุด

วันปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศสากลเป็นการเตือนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการร่วมมือและดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รัฐบาล ธุรกิจ และบุคคลต่างมีบทบาทในการลดการปล่อยก๊าซและส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน

วันที่ 24 ตุลาคมของทุกปีเป็นวันปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศสากล (International Day of Climate Action) ซึ่งเป็นวันรณรงค์ให้ทั่วโลกทุ่มเทกับการเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และส่งเสริมแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน

วันดังกล่าวเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2009 โดยกลุ่มสนับสนุนด้านสภาพภูมิอากาศ 350.org เพื่อกระตุ้นให้ผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change : UNFCCC) ที่กรุงโคเปนเฮเกน (COP15) ให้ความสำคัญของการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อธันวาคม 2009 นับแต่นั้นมา ก็เป็นกระแสระดับโลก โดยมีผู้คนนับล้านเข้าร่วมกิจกรรมและงานต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โดยธีมของปีนี้คือ "Climate Action for a Sustainable Future" เน้นความสำคัญของความพยายามร่วมกันในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและปกป้องโลกสำหรับคนรุ่นหลัง

สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่สุดประเด็นหนึ่งของยุคนี้ โดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม ทั้งนี้ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change : IPCC) ได้เตือนว่า เรามีช่วงเวลาจำกัดในการป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้าย ซึ่งตอนนี้อุณหภูมิโลกได้เพิ่มขึ้นประมาณ 1.1 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม หากไม่มีการดำเนินการที่สำคัญ อุณหภูมิอาจเพิ่มขึ้นถึง 3 องศาเซลเซียสหรือมากกว่าในสิ้นศตวรรษนี้

ดังนั้น International Day of Climate Action มีบทบาทเตือนใจถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ลดการปล่อยคาร์บอน และทำงานเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนมากขึ้นสำหรับทุกคน

บทบาทของสหประชาชาติ

สหประชาชาติ (United Nations : UN) เป็นกำลังสำคัญในความพยายามทั่วโลกในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีการดำเนินการและโครงการหลายโครงการที่มุ่งลดผลกระทบ ดังนี้

ข้อตกลงปารีส : ข้อตกลงปารีสรับรองในปี 2015 มุ่งจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้อยู่ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียสเหนือระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยพยายามจำกัดให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ปัจจุบันมี 192 ฝ่ายที่รับรองข้อตกลงนี้

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) : ออกเป้าหมายที่ 13 (Climate Action) เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบของมัน เน้นความจำเป็นในการร่วมมือและแนวปฏิบัติที่ยั่งยืนทั่วโลก

การเงินด้านสภาพภูมิอากาศ : ระดมเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ กองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) เป็นหนึ่งในโครงการที่มุ่งส่งเงินทุนจำนวนมากเพื่อช่วยประเทศในการลดและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

รายงานและการประเมินสภาพภูมิอากาศ : เผยแพร่รายงานและการประเมินอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าติดตามและวิเคราะห์สภาพภูมิอากาศ รายงานเหล่านี้ให้ข้อมูลเชิงลึกและข้อมูลที่มีค่าในการแนะนำการตัดสินใจและการดำเนินการเชิงนโยบาย

สถิติที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก : การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของ Climate Change โดยมีคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นสัดส่วนสูงที่สุด ตามรายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกสูงถึง 53.5 กิกะตัน CO2 เทียบเท่า (GtCO2e) ในปี 2021 แสดงถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อนหน้า ขณะที่ ในปี 2021 การปล่อย CO2 ทั่วโลกสูงถึง 36.3 พันล้านเมตริกตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่เคยบันทึกไว้ ภาคพลังงานเป็นแหล่งปล่อยก๊าซที่ใหญ่ที่สุด โดยมีส่วนแบ่งประมาณ 73% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก

ความเข้มข้นของ CO2 : องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) รายงานว่าความเข้มข้นเฉลี่ยของ CO2 ทั่วโลกสูงถึง 405.5 ส่วนต่อล้าน (ppm) ในปี 2017 เพิ่มขึ้นจาก 403.3 ppm ในปี 2016 นี่เป็นระดับสูงสุดในช่วงอย่างน้อย 3 ล้านปี

Emissions Gap : รายงานช่องว่างการปล่อยก๊าซของ UNEP เน้นว่าการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกให้อยู่ที่ 2 องศาเซลเซียส ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องเพิ่มความมุ่งมั่นสามเท่าที่ทำไว้ภายใต้ข้อตกลงปารีส เพื่อบรรลุเป้าหมาย 1.5 องศาเซลเซียส ความมุ่งมั่นต้องเพิ่มขึ้น 5 เท่า

ผลกระทบต่อสุขภาพ : มลพิษทางอากาศซึ่งเป็นตัวกระทำสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้เกิดการเสียชีวิตทั่วโลก 8.1 ล้านคน ในปี 2021 ทำให้เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่สองในการเสียชีวิต มลพิษเช่นฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) นอกอาคารทำให้เกิดการเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศกว่า 90% ทั่วโลก

ต้นทุนการปรับตัว : ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ของสะฮารา ต้นทุนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 30-50 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในทศวรรษถัดไป ซึ่งเป็น 2-3% ของ GDP ของภูมิภาคนี้

ไทยรับผลกระทบรุนแรงที่สุด

แม้ว่าประเทศไทยจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่ถึง 1% ของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก แต่กลับติดอันดับ 10 ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศรุนแรงที่สุด

สถิติการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย

การปล่อยก๊าซทั้งหมด : ประเทศไทยปล่อยก๊าซ CO2 ประมาณ 282,450 กิโลตัน (kt) ในปี 2022 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 276,290 กิโลตัน ในปี 2021

การปล่อยก๊าซต่อคน : การปล่อยก๊าซ CO2 ต่อคนในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 3.5 เมตริกตันต่อคน

สัดส่วนแบ่งตามอุตสาหกรรม : ภาคพลังงานเป็นผู้ปล่อยก๊าซที่ใหญ่ที่สุด คิดเป็นประมาณ 70% ของการปล่อยทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการปล่อยก๊าซจากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อการผลิตไฟฟ้า การขนส่ง และกระบวนการทางอุตสาหกรรม

การเปลี่ยนแปลงปีต่อปี : จากปี 2021 ถึง 2022 การปล่อยก๊าซของประเทศไทยเพิ่มขึ้น 1.2%

การมีส่วนร่วมในระดับโลก : ประเทศไทยมีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกประมาณ 0.5%

สถิติเหล่านี้เน้นถึงความท้าทายที่ประเทศไทยเผชิญในการสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความพยายามในการลดการปล่อยก๊าซและเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่สะอาดขึ้นจะเป็นสิ่งสำคัญในปีต่อๆ ไป

ความพยายามและความท้าทาย

ประเทศไทยได้ดำเนินการหลายขั้นตอนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการดำเนินการตามแผนแม่บทการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (2015-2030) และแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (2015-2050) อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ เช่น ความจำเป็นในการกำหนดเป้าหมายที่ทะเยอทะยานยิ่งขึ้นและนโยบายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นเพื่อลดการปล่อยก๊าซ

การต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความรับผิดชอบระดับโลก และทุกการกระทำล้วนมีความสำคัญ ขอให้เราใช้วันนี้เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของเราในการปกป้องโลกของเราและสร้างโลกที่ดีกว่าสำหรับทุกคน

 

อ้างอิง : United Nations, World Bank Group, Trading Economics, Our World in Data