โรงเรียนในสหรัฐเพิ่ม ‘อาหารมังสวิรัติ’ เป็นมื้อกลางวัน ช่วยรักษ์โลก มีสุขภาพดี

โรงเรียนในสหรัฐเพิ่ม ‘อาหารมังสวิรัติ’ เป็นมื้อกลางวัน ช่วยรักษ์โลก มีสุขภาพดี

โรงเรียนในแคลิฟอร์เนียมีเมนู “มังสวิรัติ” เป็นอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนเลือกรับประทานมากยิ่งขึ้น ทางเลือกใหม่ให้เด็กได้ช่วยรักษ์โลก และมีสุขภาพดี

KEY

POINTS

  • โรงเรียนในแคลิฟอร์เนียเพิ่มจำนวนเมนูมังสวิรัติจาก 7% ในปี 2019 เป็น 11% ในปี 2023 โดยในช่วง 5 ปีนี้ ได้เพิ่มอาหารมังสวิรัติใหม่ 41 รายการ
  • ถือเป็นการตอบสนองความต้องการลดบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมในโรงอาหารของนักเรียนที่ใส่ใจต่อสภาพอากาศที่มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • โครงการอาหารกลางวันฟรีของแคลิฟอร์เนียมีส่วนช่วยให้เด็ก ๆ กล้าที่จะลองและเพลิดเพลินกับเมนูวีแกนมากขึ้น

การเลี้ยงสัตว์เพื่อการบริโภค” ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทั้งสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อม ให้เกิดก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกถึง 12% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มปศุสัตว์และสัตว์เคี้ยวเอื้องอื่น ๆ ที่เป็นแหล่งก๊าซมีเทนจำนวนมาก อีกทั้งยังใช้ทรัพยากรน้ำและที่ดินเป็นจำนวนมาก ทำให้หลายประเทศเริ่มหันไปกิน “อาหารมังสวิรัติ” ลดการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมลง หลายโรงเรียนมีอาหารวีแกนให้นักเรียนได้เลือกกินเป็นอาหารกลางวันมากขึ้น

แคลิฟอร์เนีย เป็นรัฐแรกที่นำมังสวิรัติเข้ามาเป็นเมนูอาหารกลางวันในโรงเรียน ตั้งแต่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 หลังจากนั้นในปี 2009 โรงเรียนในรัฐแมรีแลนด์ทำแคมเปญ “Meatless Mondays” ไม่เสิร์ฟเมนูเนื้อเป็นอาหารกลางวันในทุกวันจันทร์ และโครงการนี้ก็ได้รับความนิยมไปอีกหลายรัฐ และต่อยอดไปเป็นแคมเปญอื่น ๆ เช่น “Plant-Powered Fridays” ที่โรงเรียนรัฐในเมืองนิวยอร์กจะเสิร์ฟเมนูอาหารแพลนต์ทุกวันศุกร์

“แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่ก้าวหน้าอยู่เสมอ และเรารับประทานอาหารมังสวิรัติหรือเน้นพืชเป็นหลักมาหลายปีแล้ว ซึ่งนี่ไม่ใช่แนวคิดใหม่ในรัฐของเรา” เอริน ไพรเมอร์ นักโภชนาการของโรงเรียนในแคลิฟอร์เนียกล่าว

โรงเรียนเพิ่มเมนูมังสวิรัติ

โรงเรียนต่าง ๆ ในแคลิฟอร์เนียหลายแห่งมีเมนูมังสวิรัติให้เลือกมากขึ้น ขณะที่เมนูเนื้อสัตว์แปรรูปและอาหารที่มีชีสเป็นส่วนประกอบหลักกลับลดลงอย่างมาก  ตามรายงานฉบับใหม่จาก Friends of the Earth องค์กรด้านสิ่งแวดล้อม

รายงาน Plant-Based Trends in California’s School Lunches พบว่าในเขตโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุด 25 แห่งของรัฐ ได้เพิ่มจำนวนเมนูมังสวิรัติจาก 7% ในปี 2019 เป็น 11% ในปี 2023 โดยในช่วง 5 ปีนี้ เขตการศึกษาในแคลิฟอร์เนียได้เพิ่มอาหารมังสวิรัติใหม่ 41 รายการ รายการอาหารบางอย่างถูกระบุว่าเป็น “ทางเลือกเพื่อสุขภาพจากพืช” ได้แก่ จนา มสาลา หรือ แกงถั่วซีกพี, ทามาเลแบบวีแกน, ราเมนเต้าหู้ และแรปฟาลาเฟลผัก ซึ่งอาหารที่ปราศจากผลิตภัณฑ์จากนม ทำให้นักเรียนที่แพ้แลคโตส สามารถกินได้อย่างปลอดภัย

โรงเรียนหลายแห่งเสนอตัวเลือกอาหารมังสวิรัติเป็นประจำ โดยในปี 2023 โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายมากกว่าครึ่งหนึ่ง (56%) มีเมนูมังสวิรัติให้เลือกทานทุกวัน ซึ่งเพิ่มจากปี 2019 ที่มีเพียง 36% เช่นเดียวกับโรงเรียนประถมศึกษาที่มีตัวเลือกเมนูมังสวิรัติเพิ่มขึ้นจาก 16% ในปี 2019 เป็น 60% ในปี 2023

ไพรเมอร์ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการอาหารกลางวันฟรีของแคลิฟอร์เนียมีส่วนช่วยให้เด็ก ๆ กล้าที่จะลองและเพลิดเพลินกับเมนูวีแกนมากขึ้น เพราะเธอเชื่อว่าอาหารฟรีที่ดีและมีคุณภาพ สามารถช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมรับประทานอาหารทุกครั้ง

นอรา สจวร์ต ผู้เขียนรายงานของ Friends of the Earth กล่าวว่า การเพิ่มตัวเลือกอาหารกลางวันมังสวิรัติในโรงเรียน ถือเป็นการตอบสนองความต้องการลดบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นมในโรงอาหารของนักเรียนที่ใส่ใจต่อสภาพอากาศที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

“เราพบว่านักเรียนและผู้ปกครองจำนวนมากให้ความสนใจที่จะรับประทานอาหารมังสวิรัติมากขึ้น เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก” สจวร์ตกล่าว

ทั้งนี้ ยังมีเขตการศึกษาประมาณ 25% จากทั้งหมดที่ยังไม่มีเมนูอาหารมังสวิรัติ โดยมีเพียงแซนด์วิชเนยถั่วและเยลลี่เป็นตัวเลือกมังสวิรัติเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้สจวร์ตประหลาดใจ

 

ภาครัฐสนับสนุนอาหารมังสวิรัติ

การทำอาหารกลางวันให้โรงเรียนโดยไม่ใช้วัตถุดิบจากสัตว์ ไม่ใช่แค่เรื่องของส่วนผสมเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของความรู้และทรัพยากรอีกด้วย และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติของรัฐแคลิฟอร์เนียได้จัดทำโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นหลายโปรแกรม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำเครื่องมือเหล่านั้นไปยังโรงเรียนที่ต้องการ

ในปี 2022 รัฐได้จัดสรรเงิน 600 ล้านดอลลาร์สำหรับกองทุนโครงสร้างพื้นฐานและการฝึกอบรมด้านครัว ซึ่งมอบเงินทุนให้กับโรงเรียนสำหรับจัดหาอุปกรณ์และเครื่องครัว พร้อมฝึกอบรมพนักงานเพื่อปรุงอาหารภายในโรงเรียน แทนที่จะเป็นการทำอาหารด้วยมีดคัตเตอร์ ที่ทำเพียงอุ่นและเสิร์ฟอาหารสำเร็จรูปเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีกองทุนสำหรับให้โรงเรียนซื้อวัตถุดิบที่ปลูกในท้องถิ่นมาปรุงอาหาร และกองทุนที่สนับสนุนให้โรงเรียนทำโครงการเกษตรอินทรีย์ หรือ การทำเกษตรกรรมยั่งยืนและระบบการเกษตรที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เพื่อให้ความรู้เด็กนักเรียน และนำผลผลิตที่ได้มาประกอบอาหารกลางวัน ซึ่งทั้ง 3 กองทุนสามารถช่วยให้โรงเรียนเพิ่มทางเลือกมังสวิรัติได้

ไพร์เมอร์กล่าวว่า โครงการเหล่านี้ช่วยเปลี่ยนทัศนคติของคนที่มีต่ออาหารมังสวิรัติ ทำให้ทุกคนได้รับประสบการณ์ที่ดี รับรู้ว่าอาหารที่ดีต่อโลกก็มีรสชาติดีและเข้มข้นไม่ต่างจากอาหารที่มีเนื้อสัตว์ จนกลายเป็นอาหารที่ดี จนทุกคนอยากกิน จนไม่สนใจว่าจะมีเนื้อสัตว์อยู่ในนั้นหรือไม่


ที่มา: EdSourceGristWired