‘ปารีส’ ห้ามรถยนต์เข้าเขตเมือง หวังลดมลพิษ คืนอากาศที่ดีให้ประชาชน

‘ปารีส’ ห้ามรถยนต์เข้าเขตเมือง หวังลดมลพิษ คืนอากาศที่ดีให้ประชาชน

“กรุงปารีส” ประกาศเขตปลอดรถยนต์ ห้ามขับรถผ่านใจกลางเมืองหวังลดมลพิษ จำนวนรถยนต์ในเมือง คืนอากาศที่ดีและพื้นที่สีเขียวให้ประชาชน

KEY

POINTS

  • “กรุงปารีส” ประกาศเขตปลอดรถยนต์ ห้ามขับรถผ่านใจกลางเมืองหวังลดมลพิษ จำนวนรถยนต์ในเมือง
  • แต่อนุญาตให้ยานพาหนะบางประเภท เช่น รถพยาบาล รถประจำทาง รถส่งของ และผู้พิการ หรือผู้ทำงานอยู่ในพื้นที่ผ่านได้
  • ในช่วง 6 เดือนแรกของการบังคับใช้จะยังไม่มีการบังคับใช้โทษใด ๆ แต่หลังจากผ่านระยะนี้ไปแล้ว จะเริ่มมีการปรับผู้ขับขี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตสูงสุด 135 ยูโร หรือราว 4,950 บาท

สภาเมืองกรุงปารีสออกกฎกำหนด “เขตห้ามรถเข้า” หรือ “ZTL” (Limited traffic zone) บริเวณ 4 เขตใจกลางกรุงปารีส พื้นที่ประมาณ 5.5 ตารางกิโลเมตร มีผู้อยู่อาศัย 100,000 คน และเป็นที่ตั้งถึงสถานที่สำคัญ เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ และสวนตุยเลอรีส์ ถูกกำหนดให้เป็นเขตคนเดินแล้ว พร้อมเพิ่มป้ายจราจรราว 40 ป้าย สำหรับใช้บอกเขตปลอดรถยนต์

ในบริเวณดังกล่าวจะมีเฉพาะยานพาหนะบางประเภท เช่น รถพยาบาล รถประจำทาง รถแท็กซี่ รถส่งของ และผู้พิการ ตลอดจนผู้ขับขี่รถยนต์ที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในพื้นที่เท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้ขับรถผ่าน ZTL ได้

เจ้าหน้าที่ของเมืองหวังว่าโครงการนี้จะช่วยลดเสียงรบกวนและมลพิษทางอากาศในใจกลางเมืองหลวงได้ ตามข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งยุโรป พบว่า มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก 10.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าอากาศในปารีสอยู่ในอันดับมลพิษปานกลาง ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำสำหรับการสัมผัสในระยะยาว

โครงการนี้ยังคาดว่าจะช่วยลดปริมาณการจราจรบนถนนที่พลุกพล่าน ซึ่งปัจจุบันมีรถยนต์สัญจรผ่านหนาแน่นราว 175,000-250,000 คันต่อวัน รวมถึงลดปริมาณการจราจรบนถนนสายหลักอย่าง Avenue de l'Opéra ลง 30% และถนน Boulevard de Sébastopol ทางตะวันออกของเมืองลดลง 15%

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของการบังคับใช้โซนนี้ จะยังไม่มีการบังคับใช้โทษใด ๆ สภาเมืองมีแผนให้ตำรวจเทศบาลและอาสาสมัครบริการสาธารณะเข้ามาในพื้นที่อีกด้วย เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับ ZTL แก่ชาวเมือง แต่หลังจากผ่านระยะนี้ไปแล้ว จะเริ่มมีการปรับผู้ขับขี่ที่ไม่ได้รับอนุญาตสูงสุด 135 ยูโร หรือราว 4,950 บาท

‘ปารีส’ ห้ามรถยนต์เข้าเขตเมือง หวังลดมลพิษ คืนอากาศที่ดีให้ประชาชน
เขตห้ามรถเข้าในกรุงปารีส
เครดิตภาพ: @LeParisien_75

ในอนาคต จะมีการติดตั้งกล้องที่จุดเข้าและออกของ ZTL สำหรับอ่านป้ายทะเบียน แต่จะต้องมีการแก้ไขระเบียบข้อบังคับของเมืองก่อน 

นอกจากนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการหลีกเลี่ยงค่าปรับ ผู้ขับขี่จะต้องกรอกแบบฟอร์มทางออนไลน์ เพื่อระบุเหตุผลในการนำรถเข้าไปในโซนดังกล่าว พร้อมหลักฐานในการเดินทาง เช่น ใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าโรงละครหรือร้านอาหาร อีกทั้งผู้ขับขี่จะต้องพกบัตรประชาชนติดตัวไปด้วยในกรณีที่ต้องแสดงบัตร 

ZTL เป็นหนึ่งในมาตรการที่ แอนน์ ฮิดัลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส เสนอเพื่อลดปริมาณการจราจรของรถยนต์และขจัดยานพาหนะที่ก่อมลพิษมากที่สุดออกจากเมืองหลวง เป็นการคืนพื้นที่ใจกลางเมือง พร้อมมอบคุณภาพอากาศที่ดีในปารีสให้แก่ประชาชน 

ก่อนหน้านี้ในปี 2017 กรุงปารีสควบคุมยานพาหนะรุ่นเก่า โดยกำหนดให้รถยนต์ทุกรุ่นต้องได้รับใบอนุญาตจึงจะขับรถในเมืองได้ ห้ามรถเก่าและปล่อยมลพิษเข้าเมือง หลังจากนั้นในปี 2018 มีนโยบายห้ามใช้รถยนต์ดีเซลรุ่นเก่าทั่วทั้งกรุงปารีส

นอกจากนี้ กรุงปารีสได้ยกเลิกการใช้ถนนสายหลัก โดยเปลี่ยนเส้นทางเดินรถที่ท่าเรือแซน ซึ่งเคยใช้สำหรับรถยนต์มาตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1960 หลังจากนั้นปารีสก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงสภาพถนนไปเรื่อย ๆ จัตุรัสและทางแยกสำคัญหลายแห่งเปลี่ยนจากทางเดินรถกลายเป็นทางเท้า และพื้นที่สีเขียวมากขึ้น

ในปี 2022 ถนน Rue de Rivoli ถนนหลักตะวันออก-ตะวันตกของใจกลางกรุงปารีส ถูกปรับเปลี่ยนเป็นทางหลวงสำหรับจักรยานและทางเดินสำหรับคนเดินเท้า นอกจากนี้ยังเพิ่มกฎระเบียบการจอดรถที่เข้มงวดยิ่งขึ้น เช่น ค่าธรรมเนียมใหม่สำหรับยานพาหนะขนาดใหญ่ เช่น SUV

สถาบันภูมิภาคปารีสทำการสำรวจร่วมกับกลุ่มพันธมิตรภาครัฐและเอกชน 14 ราย รวมถึงรัฐบาลท้องถิ่น เมื่อต้นปี 2024 และพบว่าคนใช้รถยนต์กลายเป็นชนกลุ่มน้อยในหลายพื้นที่ของปารีส โดยคนส่วนใหญ่ถึง 54% เดินทางไปยังใจกลางกรุงปารีสด้วยระบบขนส่งสาธารณะ อีก 34% ใช้การเดิน ส่วนอีก 7% ใช้จักรยาน และมีเพียง 2% เท่านั้นที่ใช้รถยนต์

กรุงปารีสเป็นเมืองใหญ่ล่าสุดที่มีนโยบายลดปริมาณรถยนต์ ตามรอยเมืองมาดริด มิลาน ลอนดอน และโรม แต่ชาวปารีสหลายคนยังไม่สังเกตเห็นหรือไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีมาตรการใหม่นี้ บางคนกล่าวว่าแผนการนี้อาจจะไม่ได้ผล เพราะปารีสมีตำรวจไม่เพียงพอ และเตือนว่าอาจนำไปสู่การจราจรติดขัดและหยุดชะงักได้ รวมถึงทำให้คนเดินย่านการค้าลดน้อยลง จนอาจจะกลายเป็นชุมชนปิด

หลังจากประกาศใช้มาตรการเพียงไม่นาน เดวิด เบลเลียร์ด รองหัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อม ผู้รับผิดชอบด้านการขนส่งของศาลากลางเมือง ได้ตอบกลับคำวิจารณ์โครงการดังกล่าวผ่านบัญชี X ของเขา โดยแจ้งแก่ชาวเมืองว่าโครงการนี้ไม่ควรส่งผลกระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมและร้านค้าในเมือง

เบลเลียร์ดกล่าวเสียดสีชาวเมืองที่ไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ว่า “กรุงปารีสมีรถไฟใต้ดินให้บริการในพื้นที่นี้มาเป็นเวลา 120 ปีแล้ว บางทีนี่อาจเป็นโอกาสดีที่จะลองใช้มันดู”


ที่มา: BloombergEuronewsForbes