‘ลอยกระทง’ แบบไหน รักน้ำ รักโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายแหล่งน้ำ

‘ลอยกระทง’ แบบไหน รักน้ำ รักโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายแหล่งน้ำ

เปิดทางเลือก “กระทง” แบบไหน รักน้ำ รักโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายแหล่งน้ำ เหมาะกับ “วันลอยกระทง” ในยุคปัจจุบัน

วันลอยกระทง” ประเพณีที่ขอขมาพระแม่คงคาของคนไทย ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก โดยในปีนี้ตรงกับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งหน่วยงานต่างๆ จะจัดงาน เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมลอยกระทงในแหล่งน้ำทั่วประเทศ

นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า ในปี 2566 กรุงเทพมหานคร เก็บกระทงได้ 639,828 ใบ เพิ่มขึ้น 11.74% จากปี 2565 แบ่งเป็นกระทงธรรมชาติ 618,951 ใบ และกระทงโฟม 20,877 ใบ พร้อมแนะนำให้ประชาชนร่วมกันใช้กระทงที่มีขนาดเล็ก และลอยกระทงร่วมกัน เช่น ลอยเป็นคู่ ลอยเป็นครอบครัว หรือลอยเป็นกลุ่มคณะ นอกจากนี้ การลอยในสถานที่ปิดที่หน่วยงานจัดเตรียมไว้ จะง่ายต่อการเก็บกระทงหลังจากการจัดงาน 

ทั้งนี้ ไม่แนะนำให้ลอย “กระทงขนมปัง” ในแหล่งน้ำปิด เนื่องจากเป็นสารอินทรีย์ เมื่อลงน้ำแล้วเปื่อยยุ่ย หากปลากินขนมปังเหล่านี้ไม่หมด ตกลงไปในแหล่งน้ำ เป็นสารจุลินทรีย์ในน้ำ ก็ทำให้น้ำเน่าเสีย จะสิ่งมีชีวิตในน้ำก็จะตายในที่สุด

ถึงแม้ “กระทงโฟม” และ “กระทงกระดาษ” จะช่วยให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บกระทงไปทิ้งได้ง่าย เพราะเป็นวัสดุที่คงทน ไม่หลุดลุ่ยง่าย แต่หากกระทงทั้ง 2 ชนิดนี้หลุดลอดไปในแหล่งน้ำ ก็สามารถเป็นอันตรายต่อแหล่งน้ำได้เช่นกัน เนื่องจาก กระทงกระดาษใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 5 เดือน และในกระดาษมีการเคลือบหรือพ่นสี หรืออาจปนเปื้อนสารเคมี

ขณะที่กระทงโฟมใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 500-1,000 ปี หรืออาจเรียกได้ว่าอยู่ไปตลอดกาล ซึ่งหากสัตว์น้ำเผลอกินเข้าไป ก็อาจทำให้พวกมันตายได้ เนื่องจากไม่ใช่วัสดุรีไซเคิล ทำให้ต้องจัดการขยะกระทงโฟมด้วยการฝังกลบ ทำให้เปลืองเนื้อที่หลุมฝังกลบ หรือไม่ก็ต้องนำไปเผาทิ้ง ซึ่งจะทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก ที่เป็นอันตรายต่อโลก

กระทงใบตอง” ที่เป็นกระทงที่มีมาแต่ดั้งเดิมนั้น ใช้เวลาย่อยสลายประมาณ 14 วัน ในปัจจุบันยังคงทำมาจากธรรมชาติเกือบ 100% แต่บางร้านก็เลือกใช้ ลูกแม็ก หรือตะปู เข้ามาช่วยให้กระทงติดแน่น ไม่หลุด ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและเจ้าหน้าที่เก็บกระทงได้ ควรเปลี่ยนกลับมาใช้ไม้กลัด จะดีกับทุกฝ่ายมากกว่า

ในระยะหลัง “กระทงน้ำแข็ง” ได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมาก โดยเป็นการใช้น้ำแช่แข็งเป็นฐาน และตกแต่งด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ตามแต่ขนาด แม้จะมีคนใช้กระทงน้ำแข็งจำนวนมาก แต่ด้วยขนาดของกระทงที่ไม่ใหญ่มาก ก็ไม่ทำให้อุณหภูมิของน้ำลดลงอย่างรวดเร็ว เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เมื่อเทียบกับกระทงชนิดอื่นๆ ทั้งนี้อาจจะลำบากในการขนย้าย เพราะละลายได้ง่าย ต้องเก็บความเย็นตลอดเวลา (หรืออาจจะเย็นมือ)

ไม่ว่าจะลอยกระทงด้วยกระทงประเภทใด ย้ำอีกครั้งว่าจะต้องลอยในบริเวณที่กำหนดไว้เท่านั้น ไม่ควรลอยใน “แหล่งน้ำเปิด” เช่น ทะเล หรือแม่น้ำ นอกบริเวณจัดงาน เพราะจะทำให้ตามจัดเก็บกระทงได้ยาก เกิดขยะตกค้าง ถ้ามีจำนวนมากไป ทำให้เกิดการเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็น เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ และสภาพแวดล้อม 

เพื่อแก้ปัญหาขยะ และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการรักษ์โลก หลายหน่วยงานจึงจัดทำเว็บไซต์สำหรับ “ลอยกระทงออนไลน์” ขึ้น ซึ่งไม่ก่อให้เกิดขยะ ไม่ต้องรอให้ย่อยสลาย แค่เข้าเว็บไซต์ ตั้งจิตอธิษฐาน ก็ทำได้ทันที

 

กราฟิก: รัตนากร หัวเวียง

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์

‘ลอยกระทง’ แบบไหน รักน้ำ รักโลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำลายแหล่งน้ำ