ราคาอาหารใน COP29 ‘พุ่งสูงเกินความเป็นจริง’ จากราคาอาหารปกติจนน่าตกใจ
เป็นที่น่าตกใจว่าราคาในศูนย์อาหารใน COP29 ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ใบจาน นั้นแพงกว่าปกติเป็นอย่างมากทำให้ยากต่อการเข้าถึง
ในงานประชุม COP29 ราคาของอาหารภายในพื้นที่งานมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งนักวิชาการ ตัวแทนรัฐบาล และองค์กรต่างๆ ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งการตั้งราคาที่ไม่เป็นธรรมและอาจทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นกับผู้เข้าร่วมงาน
ขนมปังแซนวิชภายในงานราคา 16 มานัต ประมาณ 325 บาท ขณะที่ซุปเปอร์มาเก็ตภายในเมืองบากูมีราคาแค่ 2 m หรือประมาณ 40 บาท
อาหารเป็นจาน ภายในงานเริ่มต้นราคาจานละ 23 มานัต ประมาณ 467 บาท ขณะที่ร้านอาหารภายในเมืองบากูมีราคาอยู่ในระหว่าง 3-10 มานัต หรือประมาณ 60-230 บาท
โดยทีมกรุงเทพธุรกิจได้ตั้งสมมติฐาน ดังนี้ของราคาของอาหารในงาน COP29 พุ่งสูงขึ้นเกินความเป็นจริง เท่าจากราคาปกติเนื่องจากหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานระดับโลกที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน ปัจจัยหลักๆ ที่อาจทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นมีดังนี้
- ต้นทุนการจัดงานสูง การจัดงานใหญ่ระดับสากล เช่น COP29 มักจะมีต้นทุนในการเช่าและดำเนินการที่สูง ไม่ว่าจะเป็นการจัดพื้นที่ภายในงาน การขนส่ง การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก และการดูแลความปลอดภัย ซึ่งอาจสะท้อนในราคาของสินค้าและบริการต่างๆ รวมถึงอาหารที่มีราคาสูงขึ้น
- ความต้องการสูงในช่วงการจัดงาน ในช่วงที่งาน COP29 กำลังดำเนินการ มีผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก เช่น นักการเมือง นักวิชาการ และตัวแทนจากองค์กรต่างๆ ซึ่งทำให้มีความต้องการอาหารมากขึ้นในพื้นที่จัดงาน ส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น
- การขาดแคลนหรือการจำกัดในการจัดหาวัตถุดิบ บางครั้งผู้จัดงานอาจจำกัดการจัดหาวัตถุดิบในพื้นที่งาน หรือเลือกใช้วัตถุดิบที่มีราคาแพงเพื่อให้บริการผู้เข้าร่วมงานที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาขายอาหารสูงขึ้นตามไปด้วย แต่ความเป็นไปได้ก็มีน้อยถ้าเทียบราคาอาหารจากนอกงาน
4. การตั้งราคาตามตลาด เนื่องจากเป็นงานที่มีผู้เข้าร่วมจากทั่วโลกและมีความสนใจ ในระดับสากล ผู้จำหน่ายอาหารอาจตั้งราคาตามความสามารถในการจ่ายของผู้เข้าร่วมงานที่มาจากหลากหลายประเทศ ซึ่งอาจนำไปสู่ราคาที่สูงขึ้นกว่าปกติ
5. การขนส่งและโลจิสติกส์ การขนส่งอาหารและเครื่องดื่มเข้าสู่งานที่มักจะจัดในสถานที่ที่มีพื้นที่จำกัดและอาจต้องใช้เทคโนโลยีหรือขั้นตอนพิเศษในการจัดการ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สูงขึ้น และสุดท้ายก็นำไปสู่ราคาขายที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเป็นไปได้น้อยถ้าหากมีการสนับสนุนจากรัฐบาลเรื่องการขนส่งอาหารเข้ามายังสถานที่จัดงาน
การปรับขึ้นราคาดังกล่าวอาจสะท้อนถึงต้นทุนการจัดงานที่สูงขึ้น หรืออาจเกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่การจัดงาน ซึ่งทำให้ผู้จำหน่ายอาหารสามารถตั้งราคาได้สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้หลายคนรู้สึกถึงความไม่สมดุลในการเข้าถึงอาหาร ซึ่งควรจะเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ในราคาที่เหมาะสมได้มากกว่านี้
