ISAT ครบรอบ 30 ปี เสนอมุมมอง 'ดาบสองคมของความหลากหลาย' ในโรงเรียนนานาชาติ

ISAT ครบรอบ 30 ปี เสนอมุมมอง 'ดาบสองคมของความหลากหลาย' ในโรงเรียนนานาชาติ

ความหลากหลายที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย นำมาซึ่งประโยชน์มากมาย เช่น การสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความคิดสร้างสรรค์และเปิดกว้าง แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถนำมาซึ่งความท้าทายได้ เช่น ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม ความเข้าใจผิด การขาดความสามัคคี และความยากในการบริหารจัดการทีม

สมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย (International Schools Association of Thailand : ISAT) จัดงานฉลองครบรอบ 30 ปีอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ณ กรุงเทพมหานคร และได้รับเกียรติจาก ดร. เดอริค เกย์ (Dr. Derrick Gay) ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกด้านกลยุทธ์ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง (Belonging) และการประสานงานระหว่างวัฒนธรรม (Intercultural) มาเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายในหัวข้อ "ดาบสองคมของความหลากหลาย: การปรับเปลี่ยนความหลากหลายเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง" (The Double-Edge Sword of Diversity: Reframing Diversity to Drive Belonging.) ซึ่งได้รับความสนใจจากครูต่างชาติที่เข้าร่วมงานอย่างมาก

“อุษา สมบูรณ์” นายกสมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทย กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดงาน โดยกล่าวถึงบทบาทและความสำเร็จของสมาคมฯ ว่า สมาคมโรงเรียนนานาชาติแห่งประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการศึกษานานาชาติในประเทศไทย ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2537 ด้วยโรงเรียนสมาชิกเพียง 5 แห่ง สมาคมฯ ได้เติบโตขึ้นอย่างมหาศาล จนถึงปัจจุบันมีโรงเรียนสมาชิกเกือบ 200 แห่งทั่วประเทศ ISAT ภูมิใจที่มีนักเรียนกว่า 85,000 คนจากหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 24.7% นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565

ISAT ครบรอบ 30 ปี เสนอมุมมอง \'ดาบสองคมของความหลากหลาย\' ในโรงเรียนนานาชาติ

บทบาทของ ISAT ไม่ได้หยุดเพียงแค่การเพิ่มจำนวนโรงเรียนและนักเรียน แต่ยังมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานการศึกษา การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างโรงเรียนสมาชิก และการสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างครู นักเรียน และผู้ปกครอง สมาคมฯ มีความมุ่งหวังที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสังคมการศึกษาที่มีคุณภาพ และให้การศึกษาที่เหมาะสมกับนักเรียนทุกคนในประเทศไทย

“งานฉลองครบรอบ 30 ปีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการย้อนรำลึกถึงความสำเร็จในอดีต แต่ยังเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษาต่อไปในอนาคต เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับเยาวชนไทย ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา สมาคม ISAT ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานการศึกษาในประเทศไทย ทั้งยังสนับสนุนการเรียนรู้ที่ครอบคลุมทุกด้านของนักเรียน ด้วยการนำเสนอหลักสูตรที่ทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล” อุษา กล่าว

ISAT ครบรอบ 30 ปี เสนอมุมมอง \'ดาบสองคมของความหลากหลาย\' ในโรงเรียนนานาชาติ

"ศุภมาส อิศรภักดี" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย เด็กๆ ไม่เพียงได้รับการศึกษาในวิชาการตามหลักสูตร แต่ยังได้เรียนรู้ที่จะยอมรับและเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ได้ปรับตัวท่ามกลางวัฒนธรรมที่หลากหลาย

ทุกความคิดล้วนเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างความพร้อมให้กับเด็กๆ ในการก้าวสู่อนาคต ความหลากหลายเป็นเครื่องมือในการเตรียมตัวเด็กๆ ให้มีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับโลกที่กว้าง และมีความสามารถในการทำงานร่วมกับคนจากภูมิหลังที่ต่างกัน การที่เด็กๆ ได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้กับพวกเขาก่อนเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา และในท้ายที่สุด ก็จะช่วยให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายของโลกในอนาคตอย่างมั่นใจ

ISAT ครบรอบ 30 ปี เสนอมุมมอง \'ดาบสองคมของความหลากหลาย\' ในโรงเรียนนานาชาติ

ความสับสนในความหลากหลาย

การบรรยายของ “ดร. เดอริค เกย์” เน้นถึงความสำคัญของการปรับเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับความหลากหลายเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในชุมชนการศึกษา โดยเน้นถึงความสำคัญของการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในสถานศึกษา การแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ของ ดร. เกย์ ทำให้ครูต่างชาติที่เข้าร่วมงานได้รับแรงบันดาลใจและมุมมองใหม่ๆ ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับนักเรียนที่มีความหลากหลาย

“ดร. เกย์” กล่าวว่า โรงเรียนทุกแห่งมักตระหนักว่าความหลากหลายเป็นสิ่งที่ดีและควรสร้างให้เกิดการยอมรับ แต่มักพบว่าโรงเรียนมีความสับสนเกี่ยวกับความหมายและความสำคัญของความหลากหลาย นอกจากนั้น มีความท้าทายในการรวมความหลากหลายเข้ากับวัฒนธรรมของโรงเรียน

ผู้คนมักคิดว่าความหลากหลายหมายถึงเพียงแค่เรื่อง LGBTQ+ และไม่คิดถึงภูมิหลังอื่นๆ นอกจากนั้น การเป็นโรงเรียนนานาชาติที่พึ่งพารูปแบบของสหรัฐอเมริกาเกินไป โดยไม่พิจารณาถึงบริบทท้องถิ่นในประเทศไทย และผลกระทบต่อการอยู่ในสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศของนักเรียน อาจยังไม่ใช่การปรับเปลี่ยนความหลากหลายเพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งที่แท้จริง

ความจริงแล้วความหลากหลายเกี่ยวข้องกับภูมิหลัง ความเชื่อ ความสามารถ และวิธีการคิดที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก ในทางวิชาการความหลากหลายทำให้เราเก่งขึ้นโดยส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ การพิจารณาข้อมูลอย่างแม่นยำ การเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ และการกระตุ้นความคิดในแบบที่ความสม่ำเสมอทุกคนเหมือนกันไม่สามารถทำได้

ISAT ครบรอบ 30 ปี เสนอมุมมอง \'ดาบสองคมของความหลากหลาย\' ในโรงเรียนนานาชาติ

เด็กรุ่นใหม่เผชิญปัญหามากมาย

“ดร. เกย์” กล่าวด้วยว่า นักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติมักเชื่อว่าพวกเขามีทักษะรับมือกับความหลากหลายได้ แต่งานวิจัยหลายชิ้นกลับพบว่า พวกเขารู้สึกท้าทายกับการมีส่วนร่วมกับบุคคลที่แตกต่างกัน รู้สึกไม่สบายใจที่จะทำงานในกลุ่มคนที่มีพื้นหลังหลากหลาย และเผชิญความท้าทายเนื่องจากความเชื่อที่มีต่อครูโรงเรียนนานาชาติต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้ ว่านักเรียนมักแบ่งแยกกันตามภาษาและประเทศที่มา ทำให้ขาดการมีปฏิสัมพันธ์ที่มีความหมาย

การวิจัยจากวารสารการวิจัยการศึกษานานาชาติและวารสารการศึกษาเอเชียแปซิฟิกแสดงให้เห็นว่า ผู้คนมักล้มเหลวในการเข้าใจความแตกต่างทางวัฒนธรรมในระดับลึก และการปรับตัวในโลกความเป็นจริง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับอัตลักษณ์วัฒนธรรม และรู้สึกไม่แน่ใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมของตน

นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ยังเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ ที่เกิดจากโซเชียลมีเดีย เช่น ความวิตกกังวล ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน แรงกดดันทางการศึกษา การจัดการความเครียด การฟื้นตัว ความสามารถในการจดจ่อ และสุขภาพจิต

ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ความนับถือตนเองต่ำ ถูกรังแกทางไซเบอร์ ความกลัวความล้มเหลว และแรงกดดันในการรักษาภาพลักษณ์ออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบ นักเรียนมักไม่ทราบถึงความเสี่ยงในการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคล นำไปสู่การเสพติดหน้าจอ ประสิทธิภาพการทำงานลดลง การนอนหลับที่ไม่เพียงพอ และการพึ่งพาความสุขที่เกิดจากการถูกชื่นชอบบนโซเชียลมีเดีย

ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง

การวิจัยแสดงให้เห็นว่ามันง่ายกว่าที่จะจดจำประสบการณ์เชิงลบเกี่ยวกับการมีส่วนร่วม เพราะสมองของเราถูกตั้งโปรแกรมมาแบบนั้น สมองจะบันทึก มุ่งเน้น เก็บ และจดจำเหตุการณ์เชิงลบได้เร็วกว่าบวก

ตามที่นักประสาทวิทยา Dr. Rick Hanson กล่าวไว้ว่า จิตใจเหมือนกับ Velcro (เทปตีนตุ๊กแก) สำหรับประสบการณ์เชิงลบ และ Teflon (เทฟล่อน) สำหรับประสบการณ์เชิงบวก การศึกษาแสดงให้เห็นว่าสมองมีกิจกรรมทางไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเมื่อโฟกัสไปที่สิ่งกระตุ้นเชิงลบมากกว่าบวก

“ดร. เกย์” แนะนำปัจจัย 9 อย่างที่มีอิทธิพลในโรงเรียนต่อการสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง คือ

  1. ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูและรักเรียน
  2. ความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเรียนคนอื่น
  3. คุณลักษณะเฉพาะและลักษณะส่วนบุคคลที่ทำให้แต่ละคนแตกต่างจากกันและกัน
  4. การสนับสนุนจากผู้ปกครองและพื้นฐานสำหรับการเรียนรู้
  5. กิจกรรมนอกหลักสูตร
  6. บรรยากาศและความปลอดภัยในโรงเรียน
  7. การตั้งเป้าหมายและความคาดหวังของนักเรียนที่เชื่อมโยงระหว่างปัจจุบันและอนาคต
  8. การเข้าร่วมเรียนและความสำเร็จทางการศึกษา
  9. ความเป็นอยู่ที่ดี และความมั่นใจ

ในฐานะโรงเรียน ควรร่วมมือกับผู้ปกครองเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง เมื่อเด็กนักเรียนรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่ง พวกเขาจะมีแรงจูงใจมากขึ้น มีส่วนร่วมมากขึ้น และใส่ใจในการเรียนมากขึ้น ตรงกันข้ามระดับการมีส่วนร่วมที่ต่ำทำให้นักเรียนขาดความสนใจ ส่งผลเสียต่อผลการเรียน

การวิเคราะห์จากการวิจัยเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมแสดงให้เห็นว่า การมีส่วนร่วมส่งเสริมทั้งด้านการเรียนรู้ทางปัญญาและอารมณ์ นักเรียนที่รู้สึกว่าได้รับการยอมรับและเชื่อมโยงกับเพื่อนและครูจะมีแนวโน้มที่จะมีส่วนร่วมกับการเรียนรู้ มีความสามารถทางการเรียนรู้ทางวิชาการที่สูงขึ้น และบรรลุผลการเรียนที่ดีกว่า โรงเรียนที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างบวกมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จทางวิชาการสูงขึ้นด้วย

ทักษะที่จำเป็นยุคนี้

“ดร. เกย์” บอกว่า ทักษะที่จำเป็นยุคนี้ได้แก่ การแก้ปัญหาเชิงวิเคราะห์และสร้างสรรค์ การสื่อสารที่ซับซ้อน การสื่อสารปากเปล่าและการเขียน ภาวะผู้นำ การทำงานเป็นทีม ความสามารถทางดิจิทัลและเชิงปริมาณ ความสามารถในการปรับตัว ความสามารถในการริเริ่ม ความเคารพต่อความซื่อสัตย์ การตัดสินใจตามหลักจริยธรรม และการมีความสามารถในการประสานงานระหว่างวัฒนธรรมด้วยมุมมองระดับโลก

“จากประสบการณ์การสอนในมหาวิทยาลัย นักศึกษานานาชาติมาเรียนที่ฝั่งตะวันตกโดยขาดทักษะเหล่านี้ พวกเขาสันนิษฐานว่าการเข้าร่วมโรงเรียนที่มีพื้นหลังที่หลากหลายหมายความว่าพวกเขาจะได้รับทักษะเหล่านี้โดยธรรมชาติ ซึ่งไม่เป็นจริง ความสามารถในการประสานงานระหว่างวัฒนธรรมต้องทำอย่างตั้งใจ"

ทั้งนี้ ในบทบาทของครูโรงเรียนนานาชาติ ทักษะการประสานงานระหว่างวัฒนธรรมถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น เพราะเป็นความสามารถในการสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลจากวัฒนธรรมและภูมิหลังที่แตกต่างกันด้วยความเคารพ ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ

  • ความรู้ : การตระหนักรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมตนเอง ความรู้เฉพาะวัฒนธรรม ความตระหนักรู้ทางสังคมและภาษาศาสตร์ และความเข้าใจในประเด็นและแนวโน้มระดับโลก
  • ทักษะ : การฟัง การสังเกต การประเมิน ความอดทน และการมองโลกจากมุมมองของผู้อื่น
  • ทัศนคติ : ความเคารพ ความเปิดกว้าง และการเข้าใจว่าพื้นหลังและอัตลักษณ์ของคุณมีอิทธิพลต่อความเข้าใจผู้อื่นอย่างไร