ขยะบุหรี่ไฟฟ้าใน UK พุ่ง 1 ล้านชิ้นต่อวัน เตรียมแบนรุ่นใช้แล้วทิ้งปีหน้า

บุหรี่ไฟฟ้า หรือที่รู้จักกันในชื่อ e-cigarettes หรือ vapes กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม นอกจากผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว บุหรี่ไฟฟ้ายังมีผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
มีการเปิดเผยจากงานวิจัยของ Material Focus ที่ดำเนินการโดย Opinium ว่า ในสหราชอาณาจักร (United Kingdom: UK) มีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง 13 ชิ้นทุกหนึ่งวินาที หรือคิดเป็นมากกว่าล้านชิ้นต่อวัน นอกจากนั้น มีการซื้อบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะแบบ Big Puff ที่กำลังเป็นที่นิยมถึง 3 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ และมีการทิ้งหรือรีไซเคิลบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไม่ถูกต้องถึง 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์
เพื่อแก้ไขปัญหาความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้าเหล่านี้ รัฐบาลสหราชอาณาจักรจึงได้ประกาศห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งตั้งแต่ เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นการแทรกแซงด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งจะปกป้องเยาวชนจากการติดนิโคตินและปูทางไปสู่สหราชอาณาจักรที่ปลอดควันด้วย
การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในอังกฤษเติบโตขึ้นมากกว่า 400% ระหว่างปี 2012 ถึง 2023 โดยปัจจุบันมีประชากรอังกฤษ 9.1% ที่ซื้อและใช้บุหรี่ไฟฟ้า ส่งผลกระทบทางสุขภาพในระยะยาวเพราะนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าสามารถเสพติดได้สูง การขาดนิโคตินอาจทำให้เกิดความกังวล ความยากในการมีสมาธิ และอาการปวดหัว
ผลักดันสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน
แมรี่ เครก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจหมุนเวียน กล่าวว่า การทำให้การขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เป็นการสนองต่อคำมั่นของรัฐบาลที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาสำคัญนี้
และเป็นการเริ่มต้นผลักดันสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงช่วยลดการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชน ขณะเดียวกันยังปกป้องสิ่งแวดล้อมธรรมชาติและถนนหนทางจากขยะ
"เป็นก้าวแรกของสหราชอาณาจักรสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งเราจะใช้ทรัพยากรได้นานขึ้น ลดขยะ เร่งเส้นทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และสร้างงานหลายพันตำแหน่งทั่วประเทศ"
ลดความน่าดึงดูดในกลุ่มเด็ก
แอนดรูว์ กวินน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและการป้องกันประเทศ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งที่เด็กอายุ 11-15 ปีหนึ่งในสี่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเมื่อปีที่แล้ว และเรารู้ดีว่าบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เด็กๆ ส่วนใหญ่เลือกใช้ในปัจจุบัน
"การห้ามใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งจะไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังลดความน่าดึงดูดใจของบุหรี่ไฟฟ้าในสายตาเด็กๆ และทำให้บุหรี่ไฟฟ้าไม่ตกอยู่ในมือของเยาวชนที่เปราะบาง"
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 มีการทำผลสำรวจ โดยประชาชนเห็นด้วยกับการจำกัดการขายและการจัดหาบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียว มีผู้ตอบแบบสอบถาม 69% สนับสนุนข้อเสนอนี้
สาเหตุไฟไหม้หรือระเบิด
นอกจากนั้น UK มีเป้าหมายเพื่อลดอันตรายจากไฟไหม้ที่เกิดจากการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าไม่ถูกวิธี และปกป้องสิ่งแวดล้อมจากขยะอันตราย เพราะแบตเตอรี่บุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะประเภทลิเทียมไอออน สามารถเป็นอันตรายอย่างมากหากถูกบดหรือเสียหาย เมื่อแบตเตอรี่ได้รับความเสียหาย
สามารถเกิดการลัดวงจร ทำให้เกิดความร้อนสูง และอาจทำให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดได้ ดังนั้น การจัดการกับแบตเตอรี่บุหรี่ไฟฟ้าควรทำอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการใช้งานแบตเตอรี่ที่เสียหาย และปฏิบัติตามวิธีการกำจัดที่ถูกต้องเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
เผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติ
การผลิตบุหรี่ไฟฟ้ายังสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า เช่น ลิเธียม และทองแดง บุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกทิ้งในแต่ละปีสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 10,127 คัน
นอกจากนั้น การสกัดและแปรรูปวัสดุเหล่านี้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางน้ำ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก บุหรี่ไฟฟ้าหลายชนิด โดยเฉพาะแบบใช้แล้วทิ้ง มีส่วนทำให้เกิดปัญหาพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งด้วย ซึ่งพลาสติกต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย ซึ่งระหว่างนั้นอาจเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าและระบบนิเวศ
นอกจากนี้ ยังจะช่วยป้องกันไม่ให้พลาสติก ตะกั่ว และปรอทรั่วไหลลงสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจทำให้แหล่งน้ำปนเปื้อนและเป็นพิษต่อสัตว์ป่า
จุดรับรีไซเคิลบุหรี่ไฟฟ้า
สก็อตต์ บัตเลอร์ ผู้บริหารใหญ่ของ Material Focus กล่าวถึงอุตสาหกรรมบุหรี่ไฟฟ้าว่า ผู้ผลิตบุหรี่ไฟฟ้ามีความคิดสร้างสรรค์อย่างไม่สิ้นสุดในการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งที่จะมาถึงปีหน้า
"แม้การห้ามใช้ปัจจุบันจะช่วยกำจัดผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมออกจากตลาด แต่เราอาจต้องการกฎหมายที่ยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อจัดการกับความท้าทายที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่จะเพิ่มขึ้นในตลาด"
บัตเลอร์ เสนอว่า การรีไซเคิลบุหรี่ไฟฟ้าควรทำได้ง่ายเหมือนกับการซื้อ และควรมีจุดรับรีไซเคิล ซึ่งเป็นหน้าที่ตามกฎหมายสำหรับทุกคนที่ขายบุหรี่ไฟฟ้าในการให้บริการนี้
บุหรี่ไฟฟ้าในไทย
บุหรี่ไฟฟ้าถูกห้ามในประเทศไทย ห้ามการผลิต การจำหน่าย และการนำเข้า ข้อมูลจาก สสส. ระบุว่า ผลสำรวจใน ปี 2021-2022 การใช้บุหรี่ไฟฟ้ารุนแรงเพิ่มขึ้น จาก 80,000 คน เพิ่มมา 700,0000-800,000 คน ในกลุ่มอายุ 18-30 ปี และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคืออัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนไทย (อายุ 13-15 ปี) ได้เพิ่มขึ้นจาก 8.1% ในปี 2564 เป็น 17.6% ในปี 2565
นักสูบบุหรี่ส่วนใหญ่เป็นนักสูบหน้าใหม่ ที่ไม่เคยสูบมาก่อน ส่วนคนที่เปลี่ยนจะหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มติดมากขึ้นเรื่อย ๆ และเลิกได้ยาก จากผลสำรวจ พบว่า จะสูบทั้งสองอย่าง และการติดนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้า เด็กติดเร็วกว่าบุหรี่ธรรมดา
ที่มา : Gov.UK, The Guardian, สสส.