‘ต้นคริสต์มาส’ ของจริงหรือปลอม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ากัน?
ไม่ว่าเราจะใช้ต้นคริสต์มาสจะเป็นของจริงหรือของปลอม ก็ล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่แบบใดส่งผลกระทบน้อยกว่ากัน ?
KEY
POINTS
- ในแต่ละปียอดขายต้นไม้ในสหรัฐประมาณ 33-36 ล้านต้น ส่วนในยุโรปพุ่งไปถึง 50-60 ล้านต้น และหลายบ้านซื้อต้นคริสต์มาสสองต้นขึ้นไป โดยต้นหนึ่งเป็นของสด และอีกต้นเป็นของเทียม
- ต้นคริสต์มาสจริงจะมีรอยเท้าคาร์บอนโดยเฉลี่ย 3.5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนต้นไม้ปลอม สูง 2 เมตรจะก่อให้เกิดคาร์บอน 40 กิโลกรัม เมื่อถูกทิ้งไป
- ต้นคริสต์มาสจริงมาสักต้น เราต้องสูญเสียต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมไปจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็อาจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าต้นคริสต์มาสเทียม หากใช้ต้นคริสต์มาสเทียมเพียงไม่กี่ปี
“คริสต์มาส” เทศกาลวันหยุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของปี แต่ละบริษัทห้างร้านต่าง ๆ พากันตกแต่งสถานที่ให้เข้ากับเทศกาล ซึ่ง “ต้นคริสต์มาส” กลายเป็นสัญลักษณ์และส่วนประกอบที่สำคัญของช่วงเทศกาลนี้ และไม่ว่าเราจะใช้ต้นคริสต์มาสจะเป็นของจริงหรือของปลอม ก็ล้วนส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่แบบใดส่งผลกระทบน้อยกว่ากัน ?
จากการสำรวจในปี 2023 ของบริษัทข้อมูล Statista พบว่า 70% ของครอบครัวในอเมริกามีแผนที่จะประดับต้นคริสต์มาส โดย 24% มีแผนจะซื้อต้นคริสต์มาสจริง ในขณะที่ 46% เลือกซื้อต้นคริสต์มาสเทียม และหลายบ้านซื้อต้นคริสต์มาสสองต้นขึ้นไป โดยต้นหนึ่งเป็นของสด และอีกต้นเป็นของเทียม
“ผมคิดว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมต้นไม้เทียม ส่วนใหญ่มาจากการซื้อต้นคริสต์มาสต้นที่สอง” แม็ก ฮาร์แมน ซีอีโอของ Balsam Hill บริษัทผลิตต้นคริสต์มาสเทียมรายใหญ่ของสหรัฐกล่าว
ต้นคริสต์มาสจริง
ต้นคริสต์มาสกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมผู้บริโภคของเราอย่างแนบเนียน ในแต่ละปียอดขายต้นไม้ในสหรัฐประมาณ 33-36 ล้านต้น ส่วนในยุโรปพุ่งไปถึง 50-60 ล้านต้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานที่ต่าง ๆ ใช้ต้นคริสต์มาสเป็นของตกแต่งและ ประดับประดาด้วยไฟระยิบระยับ เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าและนักท่องเที่ยวถ่ายรูปลงโซเชียล ทำให้ความหมายดังเดิมของต้นคริสต์มาส ที่เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีในครอบครัวจึงค่อย ๆ ลดน้อยลง
โดยทั่วไปต้นคริสต์มาสจริงจะมีรอยเท้าคาร์บอนโดยเฉลี่ย 3.5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ หากกำจัดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การสับไม้หรือการเผา แต่ถ้าปล่อยให้ต้นคริสต์มาสเหล่านี้ย่อยสลายในหลุมฝังกลบ รอยเท้าคาร์บอนจะเพิ่มขึ้น 4 เท่าเป็น 16 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์
ต้นคริสต์มาสจริงมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เนื่องจากย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถต้นคริสต์มาสที่ตัดสดสามารถรีไซเคิลได้ 100% ใช้ประโยชน์ใหม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น ไม้แปรรูป คลุมดิน หรือปุ๋ย บางครั้งจะนำต้นคริสต์มาสวางไว้ที่ก้นบ่อ แม่น้ำ และมหาสมุทร เพื่อสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยใต้น้ำแห่งใหม่
นอกจากนี้ ต้นคริสต์มาสจริงมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนระบบนิเวศธรรมชาติ โดยให้ที่พักพิงแก่สายพันธุ์นกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็กักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจน ช่วยปรับสภาพดิน ปกป้องแหล่งน้ำ
“ต้นไม้สดสามารถนำไปกองไว้ที่มุมสนามหญ้า เพื่อเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของนกที่ทำรังบนพื้นดิน ในขณะที่ต้นไม้กำลังย่อยสลายอย่างช้า ๆ” เบเวอรี่ ลอว์ ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านชีววิทยาการเปลี่ยนแปลงระดับโลกและวิทยาศาสตร์ระบบบก จากมหาวิทยาลัยออริกอนสเตทกล่าว
แต่นักวิจัยกังวลว่าต้นไม้เหล่านี้อาจไม่สามารถดูดซับคาร์บอนได้เต็มที่ เนื่องจากต้นไม้เหล่านี้มักจะถูกตัดในช่วงก่อนที่จะเติบโตเต็มที่
ด้วยความต้องการต้นคริสต์มาสที่มากเกินไป ทำให้ระบบนิเวศดั้งเดิมของต้นไม้ถูกทำลายไป เกษตรกรต้องจัดสรรทรัพยากรจำนวนมาก เพื่อดูแลต้นคริสต์มาสภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมก่อนเก็บเกี่ยว โดยเฉพาะในภูมิภาคที่ต้องปลูกต้นไม้ไม่ใช่พันธุ์พื้นเมือง ต้องใช้น้ำ ยาฆ่าแมลง และยาฆ่าเชื้อราในปริมาณมาก ยิ่งทำลายสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น และทำลายสมดุลของธรรมชาติอีกด้ว
อีกทั้ง ทำไร่สนโดยมนุษย์ อาจทำให้เกิดการรบกวนสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง และอาจก่อให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ แสดงให้เห็นว่ากว่าจะได้ต้นคริสต์มาสมาสักต้น เราต้องสูญเสียต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมไปจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็อาจเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าต้นคริสต์มาสเทียม
ต้นคริสต์มาสปลอม
บางคนอาจใช้ต้นคริสต์มาสพลาสติก เพราะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอยู่ดี ตัวอย่างเช่น ต้นคริสต์มาสเทียมสูง 2 เมตรจะก่อให้เกิดคาร์บอน 40 กิโลกรัม เมื่อถูกทิ้งไป ดังนั้นจะต้องใช้ต้นคริสต์มาสเทียมซ้ำอย่างน้อย 12 ปี จึงจะเทียบเท่ากับต้นคริสต์มาสจริง
ต้นคริสต์มาสเทียมส่วนใหญ่ทำจากพลาสติกที่ผลิตจากปิโตรเลียม เช่น โพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) และโลหะ เนื่องจากพลาสติกเหล่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพและรีไซเคิลไม่ได้ จึงทำให้ส่วนใหญ่ถูกฝังกลบเมื่อสิ้นสุดวงจรชีวิต เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสารเคมีพิษสู่สิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นอกจากนี้ กระบวนการผลิตมักเกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนา ก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศที่ร่ำรวยกว่า ทำให้มีปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์เพิ่มขึ้นจากการขนส่งอีก
ดาร์บี้ ฮูเวอร์ จากสภาป้องกันทรัพยากรธรรมชาติสหรัฐ แนะนำว่าไม่จำเป็นต้องซื้อต้นคริสต์มาสใหม่ ใช้ต้นเดิมหรือต้นไม้ที่มีอยู่ในบ้านอยู่แล้วดีกว่า
“แทนที่จะซื้อต้นไม้ที่กำลังจะถูกตัด ทำไมไม่ลองใช้ต้นไม้เดิมที่มีอยู่แล้วหรือต้นไม้ที่คุณปลูกไว้ ในบ้านของคุณแทนล่ะ” ฮูเวอร์กล่าว
แต่ถ้าต้นไม้ที่มีอาจจะดูคริสต์มาสไม่พอ ในตอนนี้ก็มีบริการให้เช่าต้นคริสต์มาสจริงได้ และจะนำกลับมาที่เรือนเพาะชำเมื่อหมดเทศกาล หรือจะใช้ต้นไม้ปลอมที่มีอยู่แล้วมาตกแต่งใหม่ หรือจะ
ซื้อต้นคริสต์มาสปลอมมือสองมาใช้ก็ได้เช่นกัน และถ้าหากใช้ต้นไม้ปลอมซ้ำต้นเดิมต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุก ๆ ปี