รวม 10 ภัยพิบัติใหญ่ในปี 2024 เตือนใจมนุษยชาติ

รวม 10 ภัยพิบัติใหญ่ในปี 2024 เตือนใจมนุษยชาติ

ภัยพิบัติธรรมชาติเป็นการเตือนอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพิ่มกลยุทธ์การเตรียมพร้อมรับมือและตอบสนองต่อภัยพิบัติ

ปี 2024 เป็นปีที่เกิดภัยพิบัติธรรมชาติมากมายที่ส่งผลกระทบต่อหลายส่วนของโลก ตั้งแต่น้ำท่วมรุนแรงและดินถล่มไปจนถึงพายุเฮอร์ริเคนและไฟป่าทำลายล้าง เหตุการณ์เหล่านี้ได้เน้นย้ำถึงความรุนแรงและความถี่ที่เพิ่มขึ้นของภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ

ประเทศต่างๆ ทั่วทุกทวีปต้องเผชิญกับฝนตกหนักที่ไม่เคยมีมาก่อน คลื่นความร้อนสุดขั้ว และพายุรุนแรง ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิตอย่างมาก การพลัดถิ่นของชุมชน และความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อโครงสร้างพื้นฐานและการเกษตร

กรุงเทพธุรกิจ รวบรวม 10 ภัยพิบัติสำคัญที่เกิดขึ้นในปี 2024 เพราะการเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านี้ เราสามารถเข้าใจความสำคัญของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่น การปรับปรุงระบบเตือนภัยล่วงหน้า และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อบรรเทาผลกระทบของภัยพิบัติในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

ตัวอย่าง 10 ภัยพิบัติปี 2024

1. น้ำท่วมภาคใต้ของประเทศไทย

น้ำท่วมภาคใต้ของประเทศไทยในปี 2024 เป็นหนึ่งในภัยพิบัติธรรมชาติที่รุนแรงที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน จนถึงวันที่ 4 ธันวาคม 2024 ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มในหลายจังหวัด เช่น นครศรีธรรมราช, พัทลุง, ตรัง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา, และนราธิวาส

น้ำท่วมได้ส่งผลกระทบต่อครัวเรือนกว่า 660,000 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 29 ราย สถานการณ์ยังคงวิกฤต โดยระดับน้ำในหลายพื้นที่ยังคงเพิ่มขึ้น รัฐบาลได้จัดตั้ง ที่พักชั่วคราว 200 แห่ง เพื่อรองรับผู้ลี้ภัยกว่า 13,000 คน ความพยายามในการต่อสู้กับน้ำท่วมนี้รวมถึงการจัดหาทุนบรรเทาภัยพิบัติและความร่วมมือระหว่างประเทศ

2. คลื่นความร้อนใน กทม.

คลื่นความร้อนในกรุงเทพฯ ปี 2024 มีความรุนแรงเป็นพิเศษ โดยอุณหภูมิพุ่งขึ้นถึงระดับที่ทำลายสถิติ เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2024 อุณหภูมิในกรุงเทพฯ สูงถึง 40.1°C ดัชนีความร้อนซึ่งคำนึงถึงความชื้นและปัจจัยอื่นๆ อยู่ในระดับอันตรายอย่างยิ่งที่สูงกว่า 52°C

ความร้อนสุดขั้วนี้ทำให้เกิด ผู้เสียชีวิตจากโรคลมแดดอย่างน้อย 30 ราย กระทรวงสาธารณสุขได้เรียกร้องให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัวให้อยู่ภายในบ้านและดื่มน้ำมากๆ รัฐบาลไทยได้ออกประกาศเตือนภัยความร้อนสุดขั้วและแนะนำให้ประชาชนใช้มาตรการป้องกันที่จำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับความร้อน

3. น้ำท่วมสเปน

น้ำท่วมสเปนในปี 2024 เป็นหนึ่งในภัยพิบัติธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของสเปน เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2024 ถึง 16 พฤศจิกายน 2024 ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องจากระบบความกดอากาศต่ำที่ระดับสูงทำให้มีปริมาณน้ำฝนมากกว่าปกติในหลายพื้นที่ของสเปน รวมถึงชุมชนวาเลนเซีย, คาสตีญา–ลา มันชา, และอันดาลูเซีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 231 รายและสูญหาย 3 ราย และทรัพย์สินเสียหายอย่างมาก

สาเหตุที่ทำให้เกิดน้ำท่วมคือ DANA (Depresión Aislada en Niveles Altos) ซึ่งเป็นระบบพายุความกดอากาศต่ำที่ถูกตัดขาดที่ระดับสูง ระบบพายุนี้นำพาฝนตกหนักมาเป็นระยะเวลาสั้นๆ ทำให้ระบบระบายน้ำในพื้นที่ไม่สามารถรองรับได้

4. ไฟป่าในอเมริกาใต้

ไฟป่าในอเมริกาใต้มีความรุนแรงเป็นพิเศษในปี 2024 ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายประเทศรวมถึงโบลิเวีย, บราซิล, ชิลี, โคลอมเบีย, เอกวาดอร์, และเปรู ไฟป่าเหล่านี้เกิดจากสภาพแล้งที่ยาวนาน อุณหภูมิสูง และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์มีส่วนร่วม ภัยแล้งในอเมริกาใต้ปี 2023-2024 ได้เพิ่มเงื่อนไขของไฟป่าอย่างมาก ทำให้เกิดไฟป่าที่กว้างขวางและเผาพื้นที่ประมาณ 85.9 ล้านเฮกตาร์

ผลกระทบของไฟป่าเหล่านี้มีความเสียหายมาก โดยมีการทำลายป่าอเมซอนและระบบนิเวศที่สำคัญอื่นๆ เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำแพนทานัล ไฟป่ายังทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐานได้รับความเสียหายอย่างมาก ความพยายามในการต่อสู้กับไฟป่าเหล่านี้เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศและการจัดส่งบริการฉุกเฉิน แต่ขนาดของภัยพิบัติได้สร้างความท้าทายอย่างมาก

ผลกระทบระยะยาวของไฟป่าเหล่านี้น่าเป็นห่วง เนื่องจากพวกมันมีส่วนทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้น ซึ่งสร้างวงจรซ้ำที่ทำให้ไฟป่าในอนาคตมีความเป็นไปได้มากขึ้น การแก้ไขสาเหตุของไฟป่าเหล่านี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการตัดไม้ทำลายป่า เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภัยพิบัติที่คล้ายกันในอนาคต

5. ไฟป่าที่แคลิฟอร์เนีย

คลิฟอร์เนียเผชิญกับไฟป่ารุนแรงที่ทำลายบ้านหลายพันหลังและทำให้ผู้คนหลายแสนคนต้องย้ายที่อยู่ ไฟป่าเกิดจากภัยแล้งและอุณหภูมิสูงที่มีสาเหตุจากภาวะโลกร้อน

ฤดูกาลไฟป่าที่แคลิฟอร์เนียในปี 2024 มีความรุนแรงและทำลายล้างอย่างยิ่ง ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2024 มีไฟป่าทั้งหมด 7,934 ครั้ง ที่เผาผลาญพื้นที่ประมาณ 1,049,452 เอเคอร์ ฤดูกาลนี้มีจำนวนไฟป่าและพื้นที่ที่ถูกเผามากกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

มีไฟป่าขนาดใหญ่หลายแห่งเกิดขึ้น รวมถึง ไฟป่าพาร์ค ในเขต Butte และ Tehama, ไฟป่าบอเรล ในป่าสงวนแห่งชาติ Sequoia, และ ไฟป่าสะพาน ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ ไฟป่าเหล่านี้ได้ทำลาย โครงสร้าง 1,680 แห่ง และทำให้มีผู้เสียชีวิต หนึ่งราย ความร้อนจัดและสภาพแห้งต่อเนื่องมีส่วนทำให้ไฟป่าลุกลามและมีความรุนแรงมากขึ้น

ความพยายามในการต่อสู้กับไฟป่าเหล่านี้ได้ใช้ทรัพยากรการดับเพลิงที่หลากหลายและความร่วมมือระหว่างประเทศ แม้จะมีความพยายามเหล่านี้ ขนาดของภัยพิบัติได้สร้างความท้าทายอย่างมาก

6. คลื่นความร้อนในมาลี

คลื่นความร้อนในมาลีปี 2024 มีความรุนแรงและอันตรายอย่างยิ่ง ตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน มาลีได้เผชิญกับอุณหภูมิที่ทำลายสถิติ โดยมีอุณหภูมิสูงกว่า 48°C ในภูมิภาคการ์เยส และสูงกว่า 44°C ในเมืองหลวงบามาโก อุณหภูมิสุดขั้วเหล่านี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100 ราย และผู้ป่วยเข้าโรงพยาบาลจำนวนมาก
คลื่นความร้อนนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง ทำให้ผู้คนไม่สามารถทำให้อุณหภูมิเย็นลงได้ สถานการณ์ซับซ้อนขึ้นอีกในช่วงเดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ชาวมุสลิมงดอาหารและเครื่องดื่มในช่วงกลางวัน การรวมกันของความร้อนสุดขั้วและการขาดไฟฟ้าทำให้ความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากความร้อนเพิ่มขึ้น

นักวิทยาศาสตร์ได้ระบุว่าคลื่นความร้อนที่รุนแรงนี้มีสาเหตุมาจาก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์มีส่วนร่วม โดยชี้ให้เห็นว่าอุณหภูมิสุดขั้วเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้หากไม่มีการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก 1.2°C จนถึงปัจจุบัน การศึกษาของ World Weather Attribution (WWA) เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศต่าง ๆ ต้องพัฒนาแผนการรับมือกับความร้อนและเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อรับมือกับคลื่นความร้อนในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น

7. ดินถล่มที่วายานาดในอินเดีย

ดินถล่มที่วายานาดในเดือนกรกฎาคม 2024 เป็นหนึ่งในภัยพิบัติธรรมชาติที่ทำลายล้างที่สุดที่เกิดขึ้นในรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย ดินถล่มเกิดจากฝนตกหนักเป็นพิเศษ ทำให้เนินเขาถล่มและเกิดการทำลายล้างอย่างกว้างขวางในพื้นที่เมปปาดี
ภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 254 ราย บาดเจ็บ 397 คน และสูญหาย 47 คน หมู่บ้านทั้งหลายถูกฝังอยู่ใต้โคลนและเศษซาก บ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน และภูมิทัศน์ธรรมชาติเสียหายอย่างมาก โดยมี ผู้คน 10,000 คนต้องอพยพ

การกู้ภัยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง, หน่วยกู้ภัยแห่งชาติ (NDRF), และอาสาสมัครที่ทำงานอย่างหนักเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตในสภาพที่ท้าทาย ศาลสูงเกรละได้สั่งการให้รัฐบาลเร่งการจัดซื้อที่ดินเพื่อการฟื้นฟู โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างเมืองสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ

เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เศร้าและเป็นการเตือนถึงผลกระทบที่เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

8. น้ำท่วมในมาเลเซียปี 2024

น้ำท่วมในมาเลเซียปี 2024 เป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ล่าสุด น้ำท่วมเกิดจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งผลกระทบต่อ 8 รัฐ โดยเฉพาะ กลันตันและตรังกานู ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักที่สุด

จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2024 มีประชาชนมากกว่า 122,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน กลันตันเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยมี 63% ของประชากรที่อพยพ น้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน บ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรอย่างมาก และทำให้ต้องปิดถนน 36 สาย
หน่วยบริการฉุกเฉิน

รวมถึงหน่วยป้องกันพลเรือนมาเลเซีย ได้ถูกระดมเพื่อช่วยเหลือในการกู้ภัยและบรรเทาภัยพิบัติ ได้จัดตั้งศูนย์บรรเทาภัยชั่วคราวเพื่อรองรับผู้อพยพ และองค์กรช่วยเหลือได้จัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็นให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ
สถานการณ์นี้เน้นย้ำถึงความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความจำเป็นในการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติและกลยุทธ์การตอบสนองที่ดีขึ้น

9. โรค Mpox การระบาดในแอฟริกา

การระบาดของโรค Mpox ในแอฟริกาในปี 2024 เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งด้านสาธารณสุข การระบาดครั้งนี้ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ใน สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ป่วยที่ยืนยันแล้วกว่า 13,769 ราย ใน 20 ประเทศ จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2024 โดย DRC เป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด มีผู้ป่วยที่ยืนยันแล้ว 9,513 ราย

Mpox หรือที่เคยรู้จักในชื่อไข้ทรพิษลิง เป็นโรคไวรัสที่ทำให้เกิดไข้ ผื่น และต่อมน้ำเหลืองบวม การระบาดครั้งนี้ทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจากวิกฤตสุขภาพที่ทับซ้อนกัน เช่น มาลาเรียรุนแรงและภาวะทุพโภชนาการ อัตราการเสียชีวิตจากโรคใน DRC น่าเป็นห่วงที่ 6.2% โดยมีรายงานการเสียชีวิต 60 ราย

ความพยายามในการควบคุมการระบาดรวมถึงการรณรงค์ฉีดวัคซีน แต่ความคืบหน้าเป็นไปอย่างช้าๆ โดยมีผู้ได้รับวัคซีนเพียง 56,000 คน แม้ว่าจะมีวัคซีนมากกว่าล้านโดสก็ตาม องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้การระบาดครั้งนี้เป็น ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

สถานการณ์นี้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการดูแลสุขภาพและการประสานความพยายามในการตอบสนองเพื่อจัดการกับการระบาดดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

10. ไต้ฝุ่นยากิ

ไต้ฝุ่นยากิ หรือที่รู้จักในชื่อ พายุโซนร้อนกำลังแรงเอนเตง ในฟิลิปปินส์ เป็นหนึ่งในพายุที่มีพลังและสร้างความเสียหายมากที่สุดที่โจมตีเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2024 ไต้ฝุ่นก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2024 และขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 2 กันยายน ก่อนเคลื่อนตัวข้ามทะเลจีนใต้และกลายเป็นไต้ฝุ่นซูเปอร์ที่มีความรุนแรงเทียบเท่ากับระดับ 5

ไต้ฝุ่นยากิพัดถล่มภาคเหนือของเวียดนามก่อน ทำให้เกิดลมแรงและฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์ เมืองหลวงฮานอยและอีก 26 จังหวัดต้องเผชิญกับน้ำท่วมยาวนาน โดยแม่น้ำล้นและน้ำท่วมพื้นที่เกษตรกรรม เมือง และชุมชนขนาดใหญ่ จากนั้นไต้ฝุ่นได้เคลื่อนตัวต่อไปยัง พม่า, ลาว, และ ประเทศไทย ซึ่งนำมาซึ่งระดับความหายนะเช่นเดียวกัน

ไต้ฝุ่นครั้งนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 844 ราย บาดเจ็บ 2,279 คน และสูญหาย 129 คน ในประเทศที่ได้รับผลกระทบ ความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร และบ้านเรือนมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 16.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ น้ำท่วมและดินถล่มทำให้หลายพื้นที่เข้าถึงไม่ได้ ทำให้การกู้ภัยและการบรรเทาภัยเป็นไปอย่างยากลำบาก

องค์การช่วยเหลือระหว่างประเทศ รวมถึง สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ได้ระดมทรัพยากรเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ องค์กรกาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงในท้องถิ่นได้จัดหาสิ่งของบรรเทาทุกข์ฉุกเฉิน อาหาร และเงินช่วยเหลือ IFRC ได้เปิดตัวการระดมทุนฉุกเฉินเพื่อช่วยในการฟื้นฟู โดยเน้นการสร้างที่พักพิง บริการด้านสุขภาพ และการฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่

ไต้ฝุ่นยากิได้เน้นย้ำถึงความเปราะบางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต่อเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วและความสำคัญของการตอบสนองต่อภัยพิบัติและการเตรียมพร้อมร่วมกัน