2025 Resolution เปลี่ยนแปลงตัวเอง เป็นคนใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมกว่าเดิม
เมื่อโลกเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ การใส่ใจสิ่งแวดล้อมหมายถึงการนำแนวปฏิบัติที่ลดผลกระทบเชิงลบต่อโลก เพื่อให้มั่นใจถึงอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ลดมลพิษ และอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ ด้วยการเลือกสิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน เรามีส่วนช่วยในความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและสุขภาพโดยรวมของโลก การยอมรับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นความรับผิดชอบร่วมกันที่ทำให้เรามีอำนาจในการสร้างความแตกต่างในเชิงบวกในโลก
ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2025 ความสำคัญของการนำแนวปฏิบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาใช้ชัดเจนขึ้น นี่คือ 10 เคล็ดลับการปฏิบัติที่ 'กรุงเทพธุรกิจ' รวบรวมมาเพื่อช่วยให้คุณเป็นคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้นและมีส่วนช่วยในโลกน่าอยู่ยิ่งขึ้น
ลดการใช้พลาสติก
ประเทศไทยได้ต่อสู้กับปัญหามลพิษพลาสติกมาหลายปี ตั้งเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลาสติกโดยการพกถุง, ขวดน้ำ, และภาชนะที่ใช้ซ้ำได้ ปฏิเสธการใช้พลาสติกที่ใช้ครั้งเดียว เช่น หลอดและช้อนส้อม
ประเทศไทยมีการรณรงค์ ลด ละ เลิก การใช้ "ถุงพลาสติก" โดยมีการกำหนด Roadmap (แผนที่นำทาง) การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2018 – 2030 มี 2 เป้าหมาย คือ
- การลดและเลิกใช้พลาสติกเป้าหมายด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- การนำขยะพลาสติกเป้าหมาย กลับมาใช้ประโยชน์ร้อยละ 100 ภายในปี 2570
การลดการใช้พลาสติกมีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพราะขยะพลาสติกมีส่วนอย่างมากในการก่อให้เกิดมลพิษ โดยเฉพาะในมหาสมุทรและหลุมฝังกลบ พลาสติกใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อยสลาย ซึ่งเป็นอันตรายต่อสัตว์ป่าและระบบนิเวศ
ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ เพราะการผลิตพลาสติกต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนั้น ขยะพลาสติกสามารถปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายเข้าสู่สิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ และสัตว์มักจะเข้าใจผิดว่าเศษพลาสติกเป็นอาหาร ทำให้เกิดการกลืนกิน การพันที่อวัยวะต่างๆ และถึงขั้นเสียชีวิต
การลดการใช้พลาสติกมีความสำคัญเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างกลยุทธ์ที่คนธรรมดาๆ อย่างเราสามารถทำได้ง่ายๆ
- ใช้ถุงผ้าหรือถุงใช้ซ้ำได้แทนการใช้ถุงพลาสติกเมื่อไปซื้อของ
- พกพาขวดน้ำใช้ซ้ำได้แทนการซื้อขวดน้ำพลาสติก
- เลือกใช้หลอดโลหะ หรือไม้ไผ่ และช้อนส้อมที่ใช้ซ้ำได้แทนหลอดและช้อนส้อมพลาสติก
- นำภาชนะอาหารของคุณไปใส่เองเมื่อซื้ออาหารกลับบ้านหรือเก็บอาหารเหลือแทนการใช้กล่องพลาสติก
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้หรือสามารถทำปุ๋ยได้แทนผลิตภัณฑ์พลาสติก
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์แก้วหรือโลหะแทนผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่น ใช้ขวดแก้วสำหรับการเก็บอาหาร
- ใช้ถุงกระดาษหรือถุงผ้าสำหรับการซื้อของชำและการช้อปปิ้งอื่นๆ
- ซื้อสินค้าปริมาณมากเพื่อลดขยะจากบรรจุภัณฑ์พลาสติก
- ใช้สถานีเติมน้ำสำหรับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนตัว และสินค้าอื่นๆ เพื่อลดการใช้บรรจุภัณฑ์
- สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นที่ให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและปลอดพลาสติก
ประหยัดน้ำ
น้ำจืดเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด การอนุรักษ์น้ำช่วยให้มั่นใจได้ว่ามีน้ำเพียงพอสำหรับทุกคนในประเทศและบนโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดภัยแล้ง
การประหยัดน้ำ ยังส่งผลไปถึงการช่วยประหยัดพลังงานด้วย เพราะการลดการใช้น้ำสามารถลดพลังงานที่ใช้ในการบำบัดและสูบน้ำ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนั้น การอนุรักษ์น้ำช่วยปกป้องที่อยู่อาศัยและความหลากหลายทางชีวภาพ ประหยัดเงิน เพราะการใช้น้ำน้อยลงสามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและธุรกิจ
เคล็ดลับในการประหยัดน้ำ
- ซ่อมแซมการรั่วไหล: ก๊อกน้ำที่หยดหรือห้องน้ำที่รั่วสามารถสิ้นเปลืองน้ำได้หลายพันแกลลอนต่อปี
- ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ: ใช้ฝักบัว หัวก๊อก และโถสุขภัณฑ์ที่มีการไหลต่ำเพื่อลดการใช้น้ำโดยไม่ลดประสิทธิภาพ
- อาบน้ำให้สั้นลง: การลดเวลาอาบน้ำลงเพียงไม่กี่นาทีสามารถประหยัดน้ำได้หลายแกลลอนในแต่ละครั้ง
- ปิดก๊อกน้ำ: อย่าปล่อยให้น้ำไหลขณะแปรงฟัน โกนหนวด หรือซักจาน ปิดน้ำเมื่อไม่ใช้งาน
- เก็บน้ำฝน: ใช้ถังเก็บน้ำฝนเพื่อรวบรวมน้ำฝนสำหรับรดน้ำต้นไม้ สวน และสนามหญ้า
- ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ: เลือกเครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจานที่ประหยัดพลังงานซึ่งใช้น้ำน้อยลงในแต่ละรอบ
- รดน้ำต้นไม้อย่างชาญฉลาด: รดน้ำในช่วงเช้าตรู่หรือตอนเย็นเพื่อลดการระเหย ใช้ระบบชลประทานแบบหยดเพื่อนำน้ำไปยังรากของพืชโดยตรง
- คลุมดินรอบต้นไม้: การคลุมดินช่วยรักษาความชื้นในดิน ลดความต้องการรดน้ำบ่อย
- ใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจานอย่างคุ้มค่า: ใช้เครื่องซักผ้าและเครื่องล้างจานเมื่อมีสิ่งของเต็มเท่านั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ
ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
การใช้ระบบขนส่งสาธารณะลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำลงและคุณภาพอากาศดีขึ้น การใช้ระบบขนส่งสาธารณะลดจำนวนรถยนต์บนท้องถนน ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำลงและคุณภาพอากาศดีขึ้น ส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนโดยลดความจำเป็นในการสร้างถนนและที่จอดรถมากมาย
สิ่งที่เราทำได้ในกรุงเทพฯ
- ใช้ระบบรถไฟฟ้า BTS และ MRT: ระบบเหล่านี้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมือง ช่วยลดเวลาเดินทางและลดปริมาณก๊าซคาร์บอน
- ใช้รถประจำทางด่วนพิเศษ (Bus Rapid Transit : BRT) เป็นรถโดยสารที่สามารถ ให้บริการได้รวดเร็ว ประหยัดเวลา สะดวกสบาย และปลอดภัยสูง มีราคาย่อมเยาและครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขวาง เชื่อมต่อกับพื้นที่ที่ไม่ได้รับบริการโดยรถไฟฟ้า
- ใช้เรือเฟอร์รี่และเรือคลอง เพื่อลดความแออัดบนถนนและเพลิดเพลินกับเส้นทางวิวสวย
- การแชร์รถ (Carpooling) คือการแบ่งปันการเดินทางด้วยรถยนต์กับผู้อื่นที่มีเส้นทางการเดินทางคล้ายกัน เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในการเดินทาง มองหาผู้ร่วมงาน เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนที่มีเส้นทางและเวลาการเดินทางที่คล้ายกัน กำหนดตารางการแชร์รถที่เหมาะสมกับสมาชิกทุกคน ตกลงเวลารับ-ส่งและสถานที่ที่สะดวกสำหรับทุกคน ส่งเสริมการแชร์รถในที่ทำงาน กระตุ้นให้นายจ้างสนับสนุนการแชร์รถโดยการให้สิ่งจูงใจเช่น ที่จอดรถพิเศษสำหรับผู้แชร์รถหรือจัดกิจกรรมสัปดาห์การแชร์รถเพื่อสร้างความตระหนัก
- ใช้จักรยานสำหรับการเดินทางระยะสั้นและผสมผสานกับระบบขนส่งสาธารณะเพื่อการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- วางแผนเส้นทางการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ: ใช้แอปและเครื่องมือในการวางแผนการเดินทางอย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลารอและให้แน่ใจว่าคุณใช้ตัวเลือกการขนส่งที่ยั่งยืนที่สุด
- ใช้ระบบขนส่งสาธารณะอย่างสม่ำเสมอและกระตุ้นให้ผู้อื่นทำเช่นเดียวกัน
สนับสนุนตลาดท้องถิ่น
การซื้อสินค้าจากตลาดท้องถิ่นไม่เพียงแค่สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก แต่ยังลดรอยเท้าคาร์บอนที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าด้วย ผักผลไม้ที่มาจากแหล่งท้องถิ่นมักมีสุขภาพดีและยั่งยืนกว่า
เมื่อคุณซื้อสินค้าจากตลาดท้องถิ่น คุณจะสนับสนุนเกษตรกร ผู้ผลิตงานฝีมือ และธุรกิจในท้องถิ่นโดยตรง ซึ่งช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างงานในชุมชน นอกจากนั้นตลาดท้องถิ่นมักมีผลิตผลสดใหม่และตามฤดูกาล ซึ่งมักไม่มีสารกันบูดหรือสารเคมีเจือปน ทำให้ผู้บริโภคได้รับอาหารที่สุขภาพดีขึ้น
ตลาดท้องถิ่นมักมีผลิตภัณฑ์ งานฝีมือ และอาหารที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมและส่งเสริมความภูมิใจในชุมชน การช็อปปิ้งที่ตลาดท้องถิ่นส่งเสริมความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ช่วยให้ผู้บริโภคเชื่อมโยงกับผู้ผลิต รู้จักแหล่งที่มาของอาหาร และสร้างความสัมพันธ์ภายในชุมชน ที่สำคัญการสนับสนุนตลาดท้องถิ่นส่งเสริมการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน และช่วยลดการพึ่งพาการเกษตรอุตสาหกรรมซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
สิ่งที่เราทำได้ในประเทศไทย
- เยี่ยมชมตลาดเกษตรกร ตลาดกลางคืน และงานแฟร์ของชุมชนเพื่อซื้อผลิตผลสดใหม่ งานฝีมือ และสินค้าท้องถิ่น ตลาดดังๆ เช่น ตลาดจริงใจ จ.เชียงใหม่ ตลาดสุขใจ สวนสามพราน จ.นครปฐม เป็นต้น
- เลือกซื้อผลไม้และผักตามฤดูกาล นอกจากสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นแล้วยังมั่นใจได้ว่าจะได้รับของสดใหม่และมีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด
- ซื้อสินค้าจากเกษตรกรและช่างฝีมือท้องถิ่นโดยตรงเมื่อเป็นไปได้ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับรายได้ที่เป็นธรรมและรักษาชีวิตความเป็นอยู่
ทานอาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบหลัก
เพิ่มมื้ออาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบหลักในอาหารของคุณ ประเทศไทยมีอาหารเจและมังสวิรัติที่หลากหลายและอร่อยซึ่งดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักสามารถมีประโยชน์มากสำหรับสุขภาพของบุคคลและสิ่งแวดล้อม นี่คือเหตุผลว่าทำไมการรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักถึงมีความสำคัญ
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: การผลิตอาหารที่มีพืชเป็นหลักมักมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่าอาหารที่มีสัตว์เป็นหลัก การเลี้ยงสัตว์เป็นผู้ก่อให้เกิดก๊าซมีเทนและก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ อย่างมาก
- อนุรักษ์แหล่งน้ำ: การรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักต้องใช้น้ำน้อยกว่ามาก เช่น การผลิตเนื้อวัวหนึ่งกิโลกรัมต้องใช้น้ำมากกว่าการผลิตผักในปริมาณเดียวกัน
- อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ: การลดความต้องการเนื้อสัตว์ช่วยลดความจำเป็นในการตัดป่าและการเปลี่ยนแปลงที่ดินเพื่อการเลี้ยงสัตว์ ช่วยอนุรักษ์ที่อยู่อาศัยธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
- อุดมไปด้วยสารอาหาร: อาหารที่มีพืชเป็นหลักมักมีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่จำเป็นซึ่งดีต่อสุขภาพโดยรวม
- ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง: การศึกษาพบว่าอาหารที่มีพืชเป็นหลักสามารถลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และมะเร็งบางชนิด
- ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร: อาหารที่มีพืชเป็นหลักมักมีเส้นใยอาหารสูง ช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหารและการย่อยอาหารที่ดีขึ้น
- สวัสดิภาพสัตว์: การเลือกอาหารที่มีพืชเป็นหลักช่วยลดความต้องการของการเลี้ยงสัตว์ในโรงงานและปัญหาจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพสัตว์
- ส่งเสริมการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน: อาหารที่มีพืชเป็นหลักสนับสนุนแนวปฏิบัติในการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืนและมีมนุษยธรรม
สิ่งที่เราทำได้ในประเทศไทย
- ประเทศไทยมีประเพณีการทำอาหารที่อุดมไปด้วยอาหารที่มีพืชเป็นหลัก ลองชิมอาหารท้องถิ่นที่ชื่นชอบเช่น ส้มตำ ผัดไทยเจ และต้มยำเจ
- เยี่ยมชมร้านอาหารมังสวิรัติและเจ กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ อื่นๆ มีจำนวนร้านอาหารมังสวิรัติและเจที่เพิ่มขึ้น สำรวจร้านอาหารเหล่านี้เพื่อค้นพบอาหารที่มีพืชเป็นหลักที่อร่อยและสร้างสรรค์
- ซื้อผลไม้ ผัก ถั่ว และธัญพืชสดใหม่จากตลาดท้องถิ่น ซึ่งไม่เพียงสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่น แต่ยังให้คุณได้รับส่วนผสมที่สดและมีคุณค่าทางโภชนาการ
- เชื่อมต่อกับชุมชนและกลุ่มการรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลักทั้งออนไลน์หรือในที่พบปะ ชุมชนเหล่านี้มักแชร์สูตรอาหาร เคล็ดลับ และให้การสนับสนุนสำหรับผู้ที่กำลังเปลี่ยนไปสู่การรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นหลัก
- เข้าร่วมชั้นเรียนทำอาหารหรือติดตามบทเรียนออนไลน์เพื่อเรียนรู้วิธีการปรุงอาหารที่มีพืชเป็นหลักที่บ้าน ลองใช้ส่วนผสมและอาหารจากหลายชาติในการปรุงอาหารเพื่อทำให้อาหารน่าตื่นตาตื่นใจและหลากหลาย
- หากมีพื้นที่ ลองเริ่มสวนขนาดเล็กเพื่อปลูกผักและสมุนไพรของคุณเอง นี่เป็นวิธีที่น่าพึงพอใจในการรับผลิตผลสดและออร์แกนิกสำหรับอาหารของคุณ
- มองหาและสนับสนุนแบรนด์ที่เสนอผลิตภัณฑ์ที่มีพืชเป็นหลัก ซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งตอนนี้มีทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีพืชเป็นหลักเป็นทางเลือกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์นม
ลด ใช้ซ้ำ รีไซเคิล
แนวคิดของ "ลดใช้ (Reduce), ใช้ซ้ำ (Reuse), และรีไซเคิล (Recycle)" หรือที่รู้จักกันดีว่าเป็น 3Rs มีความสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยหลายเหตุผลดังนี้
- ช่วยลดภาระต่อหลุมฝังกลบและสิ่งแวดล้อม
- อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นต่อไป
- ลดปล่อยมลพิษลงสู่บรรยากาศ น้ำ และดิน
- การใช้ซ้ำช่วยประหยัดเงินที่ควรใช้ซื้อสินค้าที่ใหม่ อุตสาหกรรมการรีไซเคิลสร้างงานและมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจโดยการแปรรูปวัสดุรีไซเคิลให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
สิ่งที่เราสามารถทำได้ในประเทศไทย
- Reduce
การบริโภคอย่างมีสติ ซื้อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงพลาสติกใช้ครั้งเดียว เลือกสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์น้อยและให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ
ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน ปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ใช้งาน และพิจารณาแหล่งพลังงานหมุนเวียนเช่นพลังงานแสงอาทิตย์
ซ่อมแซมการรั่วไหล ใช้เครื่องใช้น้ำที่ประหยัดน้ำ และหลีกเลี่ยงการสูญเสียน้ำในกิจกรรมประจำวัน
- Reuse
พกถุง น้ำดื่ม และภาชนะที่ใช้ซ้ำได้เพื่อลดขยะพลาสติก
ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการโครงการใช้ซ้ำ เปลี่ยนสิ่งของเก่าให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีประโยชน์ เช่น ใช้ขวดเก่าเป็นที่เก็บของหรือทำหัตถกรรมจากวัสดุที่ใช้แล้ว
ช็อปปิ้งที่ร้านสินค้ามือสองและตลาดสินค้ามือสองเพื่อให้ชีวิตใหม่แก่สินค้าที่ผ่านการใช้งานแล้วและลดความต้องการสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่
- Recycle
แยกวัสดุรีไซเคิลออกจากขยะทั่วไปอย่างถูกต้อง หลายชุมชนในประเทศไทยมีโครงการรีไซเคิล ใช้ส่วนร่วมอย่างเต็มที่
กำจัดของเสียอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) อย่างมีความรับผิดชอบโดยนำไปยังศูนย์รีไซเคิลที่กำหนดเพื่อให้มั่นใจว่าการประมวลผลที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ทำปุ๋ยหมักสำหรับขยะอินทรีย์ เช่น เศษอาหารและขยะในสวน เพื่อสร้างดินที่มีสารอาหารสำหรับการทำสวน
ใช้พลังงานหมุนเวียน
การเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนมีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: แหล่งพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ ผลิตก๊าซเรือนกระจกน้อยหรือไม่มีเลย ช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและลดมลพิษทางอากาศ ส่งผลให้สุขภาพของโลกและผู้อาศัยดีขึ้น
- อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ: เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นทรัพยากรที่มีจำกัดที่ใช้เวลาหลายล้านปีในการก่อตัว ในขณะที่แหล่งพลังงานทดแทนมีมากมายและเติมเต็มได้ตามธรรมชาติ ทำให้มีแหล่งพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น
- ความเป็นอิสระทางพลังงาน: การลงทุนในแหล่งพลังงานทดแทนในท้องถิ่นช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลนำเข้า เสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
- ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ: ภาคพลังงานทดแทนสร้างงานในด้านการผลิต การติดตั้ง และการบำรุงรักษา นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นนวัตกรรมและการลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโต
- ลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ: การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลปล่อยสารมลพิษที่เป็นอันตรายที่สามารถก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจ การเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานที่สะอาดขึ้นช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศและสุขภาพของประชาชน
- สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน: พลังงานทดแทนสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยการให้พลังงานที่สะอาด มั่นคง และราคาประหยัดสำหรับทุกคน รวมถึงชุมชนห่างไกลและพื้นที่ที่ไม่เข้าถึงพลังงาน
สิ่งที่เราสามารถทำได้ในประเทศไทย
- การเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนในระดับครัวเรือนในประเทศไทยเป็นวิธีที่ปฏิบัติได้จริงและมีผลกระทบอย่างมากในการส่งเสริมความยั่งยืน นี่ตัวอย่างที่สามารถทำได้
- ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเพื่อผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ แผงโซลาร์เซลล์สามารถลดหรือแม้แต่กำจัดบิลค่าไฟฟ้า และให้แหล่งพลังงานที่สะอาดและทดแทนได้
- ใช้เครื่องทำน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในการทำน้ำร้อน ซึ่งจะลดการใช้ไฟฟ้าและลดค่าใช้จ่าย
- หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีลมพัดต่อเนื่อง ควรพิจารณาติดตั้งกังหันลมขนาดเล็กเพื่อผลิตไฟฟ้าสำหรับบ้าน
- ติดตั้งระบบเครื่องย่อยก๊าซชีวภาพเพื่อเปลี่ยนของเสียอินทรีย์ เช่น เศษอาหารและมูลสัตว์ ให้เป็นก๊าซชีวภาพสำหรับการทำอาหารและการทำความร้อน ซึ่งไม่เพียงแต่ให้แหล่งพลังงานทดแทน แต่ยังลดของเสียด้วย
- ใช้เตาอัดเม็ดไม้หรือหม้อไอน้ำชีวมวลสำหรับการทำความร้อน ระบบเหล่านี้ใช้วัสดุชีวมวลที่ทดแทนได้ ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
- ศึกษาสินเชื่อสีเขียวหรือตัวเลือกการเงินที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับพลังงานทดแทน
ร่วมกิจกรรมทำความสะอาด
การร่วมกิจกรรมทำความสะอาดในสำนักงานหรือชุมชนมีความสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมความยั่งยืน กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดขยะและรักษาความสะอาดของพื้นที่ต่างๆ แต่ยังส่งเสริมความตระหนักรู้และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในหมู่ผู้เข้าร่วม
เข้าร่วมกิจกรรมทำความสะอาดชุมชนหรือจัดขึ้นเอง การทำความสะอาดชายฝั่งเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาชายหาดที่สวยงามของประเทศไทยให้ปราศจากขยะและปกป้องชีวิตทางทะเล
การเก็บขยะที่กระจายอยู่ในพื้นที่สาธารณะ ในซอยหมู่บ้าน ชายฝั่งทะเล ช่วยส่งเสริมสุขภาพของคนในพื้นที่ ลดการแพร่กระจายของโรคที่เกิดจากขยะและสิ่งสกปรก นอกจากนั้น กิจกรรมทำความสะอาดร่วมกันเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสามัคคีและความร่วมมือในชุมชน ผู้เข้าร่วมสามารถทำความรู้จักและทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายที่ดี
สนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เลือกสนับสนุนธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ห้างสรพพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงร้านอาหารอ การเลือกใช้จ่ายของคุณมีผลกระทบอย่างมากต่อโลก
ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมักจะใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและพยายามลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น ธุรกิจเหล่านี้มักมีนโยบายการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยของเสียและมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมด้วย
หลายธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลม ซึ่งช่วยลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมักจะสนับสนุนการใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และพยายามออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้
การที่จะรู้ว่าแต่ละธุรกิจมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และจริยธรรม หรือไม่ ผู้บริโภคอาจดูได้จาก หลายการรับรองจากองค์กรบุคคลที่สามที่ เช่น Fair Trade, LEED Certification, DJSI,
ธุรกิจที่ยั่งยืนมักมีภารกิจและค่านิยมที่ชัดเจนเกี่ยวกับการมุ่งมั่นต่อความยั่งยืน ข้อมูลเหล่านี้มักพบในเว็บไซต์ทางการของพวกเขา โดยเฉพาะในหน้า "เกี่ยวกับเรา"
รีวิวรายงานความยั่งยืนประจำปี บริษัทที่ยั่งยืนหลายแห่งเผยแพร่รายงานความยั่งยืนประจำปีที่ละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคมของบริษัท รายงานเหล่านี้มักเป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ยอมรับและให้ความโปร่งใสเกี่ยวกับการปฏิบัติ
ตรวจสอบว่าบริษัทดำเนินโครงการความยั่งยืนอย่างไร เช่น โครงการรีไซเคิล ความพยายามในการลดขยะ และการจัดหาวัสดุอย่างมีจริยธรรม ธุรกิจที่ยั่งยืนมักมีความโปร่งใสเกี่ยวกับการปฏิบัติโดยเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทาน การใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ตรวจสอบว่าบริษัทใช้แหล่งที่มีจริยธรรม ปลอดการทารุณกรรมสัตว์ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ มองหาฉลากเช่น "Cruelty-Free", "Not Tested on Animals", และ "Eco-Friendly" ตรวจสอบว่าบริษัทดำเนินโครงการความยั่งยืนอย่างไร เช่น โครงการรีไซเคิล ความพยายามในการลดขยะ และการจัดหาวัสดุอย่างมีจริยธรรม
โดยการผสมผสานแนวปฏิบัติเหล่านี้เข้ากับชีวิตประจำวันของคุณ คุณสามารถมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่มีสุขภาพดีขึ้นและเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นทำเช่นเดียวกัน มาร่วมกันทำให้ปี 2025 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีสำหรับสิ่งแวดล้อมและสำหรับคนรุ่นต่อไป