ซื้อ ‘ของมือสอง’ เป็น ‘ของขวัญ’ เทรนด์ใหม่ในยุคค่าครองชีพสูง แถมได้รักษ์โลก
“ของขวัญมือสอง” กลายเป็นของขวัญยอดนิยมในช่วงคริสต์มาสนี้ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นและผู้คนต่างให้ความสำคัญกับ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ”
KEY
POINTS
- รายงานพบว่า 74% ของผู้ซื้อรู้สึกว่าการให้ของขวัญมือสองได้รับการยอมรับมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา และผู้ซื้อ 83% เปิดใจรับของขวัญมือสองจากคนที่ตนรัก
- ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเลือกของขวัญมือสองและผู้คนต่างให้ความสำคัญกับ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” มากยิ่งกว่าเดิม
- ชาวอังกฤษจะใช้เงินรวมกันกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อของขวัญคริสต์มาสมือสองในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของตลาดของขวัญคริสต์มาส
“ของขวัญมือสอง” กลายเป็นของขวัญยอดนิยมในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่นี้ เนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นและผู้คนต่างให้ความสำคัญกับ “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” มากกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อต้องเลือกซื้อของขวัญมอบให้แก่กันในช่วงช่วงเวลาของปีที่มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าส่งเสริมการบริโภคนิยมและสร้างขยะ ผู้คนต่างหันมาเลือกซื้อ “ของมือสอง” มากยิ่งขึ้น และเทรนด์นี้กำลังแพร่สะพัดไปทั่วยุโรป
รายงานของ OfferUp ตลาดออนไลน์ พบว่า 74% ของผู้ซื้อรู้สึกว่าการให้ของขวัญมือสองได้รับการยอมรับมากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่มขึ้น 7% จากรายงานเดียวกันในปี 2023 และผู้ซื้อ 83% เปิดใจรับของขวัญมือสองจากคนที่ตนรัก
นอกจากนี้ รายงานยังพบอีกว่าผู้ซื้อ 2 ใน 3 คน รวมถึงผู้ซื้อเจน Z ถึง 83% วางแผนที่จะซื้อของขวัญวันหยุดมือสองในปีนี้ โดย 63% กล่าวว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะเลือกของขวัญมือสองให้เพื่อนและครอบครัว อีก 48% ระบุว่าเชื่อว่าของขวัญมือสองคุ้มค่าเงินมากกว่า อีก 40% ชื่นชมว่าของขวัญมือสองมักมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่าของขวัญใหม่ และ 31% ระบุว่าชอบความตื่นเต้นในการตามหาของขวัญที่สมบูรณ์แบบจากผู้ขายของมือสอง
เมื่อแยกดูตามรายประเทศในยุโรปพบว่า ชาวอังกฤษโอเคกับของขวัญมือสอง ตามรายงาน Recommerce 2024 จัดทำโดย Vinted แพลตฟอร์มค้าปลีกของมือสอง และ RetailEconomics บริษัทที่ปรึกษา ผู้คน 83% ในสหราชอาณาจักร บอกว่าพวกเขายินดีที่จะได้รับของขวัญมือสอง และอีก 68% วางแผนที่จะซื้อของขวัญมือสอง แต่กลุ่มชาวเจน Z จะเพิ่มเป็น 83%
ของขวัญมือสองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอังกฤษในช่วงคริสต์มาสนี้ คือ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (55%) อุปกรณ์กีฬา (47%) และเฟอร์นิเจอร์ (42%) ขณะที่ในแง่การเป็นผู้รับ ผู้คนราว 62% กล่าวว่าพวกเขาอยากได้รับสินค้าฟุ่มเฟือยและแบรนด์มือสอง
ชาวอังกฤษจะใช้เงินรวมกันกว่า 2,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับซื้อของขวัญคริสต์มาสมือสองในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 10% ของตลาดของขวัญคริสต์มาสที่มีมูลค่า 25,000 ล้านดอลลาร์
“ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน เราพบว่าผู้คนจำนวนมากมาที่ร้านของเราและซื้อของที่เคยผ่านการใช้งานมาแล้ว” โอลลี่ มีด ผู้ดูแลการจัดแสดงสินค้าในร้านสำหรับร้านการกุศล Oxfam ทุกสาขาในลอนดอนกล่าว
ขณะที่ เวย์น เฮมิงเวย์ นักออกแบบและผู้ร่วมก่อตั้ง Charity Super.Mkt ร้านการกุศล กล่าวว่าตอนนี้การซื้อของขวัญมือสองเข้ามาเป็นกระแสหลักมากขึ้น ยอดขายสินค้ามือสองของเขาเพิ่มขึ้น 20% ในช่วงสัปดาห์ก่อนคริสต์มาส ไม่เว้นแม้แต่เสื้อผ้ามือสอง ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่ยอดขายสินค้ามือสองจะลดลงเสมอ เพราะทุกคนต่างต้องการของใหม่
“คนหนุ่มสาวกำลังขับเคลื่อนกระแสนี้ด้วยการเลือกแฟชั่นอย่างมีสติมากขึ้น พร้อมด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน และแนวคิดในการตอบแทนสังคมที่เอื้อเฟื้อและยุติธรรมมากขึ้น” เฮมิงเวย์กล่าว
นอกจากนี้ ผู้คนมากกว่าหนึ่งในสามระบุว่า พวกเขาวางแผนที่จะซื้อของมือสองมากขึ้นในอีกห้าปีข้างหน้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ซื้อที่มีอายุระหว่าง 18-45 ปี โดย 53% ของกลุ่มนี้ระบุว่าพวกเขาซื้อของมือสองเดือนละครั้งหรือมากกว่านั้น
แม้ว่าการจับจ่ายซื้อของมือสองในอังกฤษจะเกิดจากเหตุผลทางการเงินเป็นหลัก (63%) แต่สำหรับชาวเยอรมันแล้ว พวกเขาซื้อสินค้ามือสองเป็นของขวัญเพราะ “ความยั่งยืน” (52%) และกลับไม่เป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ เนื่องจากคนรุ่นอายุ 16-24 ปีของประเทศถึง 73% ชอบซื้อสินค้าใหม่มากกว่า แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นยังมีนักช้อปชาวเยอรมันถึง 63% ที่เลือกหาของขวัญมือสอง โดยสินค้ามือสองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ของตกแต่งบ้าน (67%) เครื่องประดับ (62%) อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (58%) และเสื้อผ้า (51%)
ขณะที่ ชาวสเปนจะซื้อของขวัญมือสองให้คนในครอบครัว ตามการวิจัยของ Milanuncios และ Appini พบว่า 55% ของชาวสเปนมีสินค้ามือสองเป็นตัวเลือกในการซื้อของขวัญ และ 50% ยินดีที่จะได้รับของขวัญเหล่านั้น โดยกลุ่มที่รู้สึกโอเคกับของขวัญมือสองมากที่สุดคือช่วงอายุ 18-24 ปี (66%) โดยจะมอบของขวัญให้กับสมาชิกในครอบครัว (70%) เพื่อน (56%) และคู่รัก (54%) ซึ่งสินค้าที่รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ วิดีโอเกม (47%) ของตกแต่ง (39%) และสินค้าทางวัฒนธรรมหรือความบันเทิง (39%)
ส่วนชาวอิตาลีส่วนใหญ่ถึง 82% จะยินดีเปิดของขวัญมือสอง แต่กลับมีคนที่จะซื้อสินค้ามือสองมอบให้ผู้อื่นเพียง 44% เท่านั้น ซึ่งถ้าหากเป็นสินค้าที่มีราคาถูกกว่ามากและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 76% และมีถึง 79% ที่ยินดีจะซื้อของขวัญมือสองถึง 5 ชิ้น ถ้าหากพวกเขามั่นใจในคุณภาพ โดยหนังสือมือสองเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสูงสุดในอิตาลี (51%) รองลงมาคือเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนขนาดเล็กที่ 28% ตามการวิจัยของ Wallapop
แตกต่างจากชาวฝรั่งเศสที่มีเพียง 33% เท่านั้นที่จะเลือกซื้อของขวัญมือสองในช่วงคริสต์มาส โดยแรงผลักดันหลักในการซื้อของมือสองในฝรั่งเศสคือการประหยัดเงิน (63%) รองลงมาคือเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อม (27%) ซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี โดยสินค้าทางวัฒนธรรมเป็นของขวัญมือสองที่ได้รับความนิยมมากที่สุด (46%) รองลงมาคือเสื้อผ้า (41%) และของเล่น (38%)
อดัม เจย์ ซีอีโอของ Vinted Marketplace ยืนยันว่าการซื้อของมือสอง “ไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณแห่งการให้ลดน้อยลง” เขากล่าวต่อว่า “การวิจัยแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าสินค้ามือสองได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะของขวัญ และนี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก เพราะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับโลก ตู้เสื้อผ้า และกระเป๋าสตางค์ของคุณ”
เตเตียน่า โซโลวีย์ นักวิจัยด้านสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในอังกฤษ กล่าวว่า “สำหรับบางคน การเฉลิมฉลองคริสต์มาสด้วยของมือสองอาจเป็นเรื่องแปลกไปสักหน่อย แต่การที่เราเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยการชุบชีวิตใหม่ให้สิ่งของบางอย่างได้ อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงความคิดได้ ซึ่งเป็นแนวทางฉลองคริสต์มาสที่ยั่งยืน และฉันคิดว่าเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมมาก”
ที่มา: AOL, BBC, Euro News, Fashion United