กรุงเทพฯอันดับ 9 อากาศมีมลพิษมากที่สุดในโลก PM2.5 สูงกว่าเกณฑ์ 14.5 เท่า

กรุงเทพฯอันดับ 9 อากาศมีมลพิษมากที่สุดในโลก PM2.5 สูงกว่าเกณฑ์ 14.5 เท่า

ปัจจุบัน ประเทศไทยกำลังพบปัญหา PM2.5 ที่รุนแรง โดยมีหลายจังหวัดที่มีระดับมลพิษ PM2.5 สูงกว่า 37.5 มิครอลิตรต่อลูกบาล การมีระดับ PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนอ การตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์จึงสำคัญ เพราะสามารถป้องกันและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพได้

KEY

POINTS

  • กรุงเทพฯมีมลพิษมากที่สุดอันดับ 9 ของโลก ตามดัชนีคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ของ IQAir (ณ วันที่ 9 มกราคม 2025 เวลา 8.30 น.)
  • PM2.5 อยู่ที่ 72.5 µg/m³ สูงกว่าเกณฑ์แนะนำประจำปีของ WHO ถึง 14.5 เท่า
  • นอกจากกรุงเทพฯ แล้ว ยังมี จ.เชียงใหม่ ติดอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดเป็นอันดับ 14 ของโลก (ณ วันที่ 9 มกราคม 2025 เวลา 8.30 น.)
  • นิวเดลี, ประเทศอินเดีย อันดับ 1 เมืองที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก

จากข้อมูลล่าสุดจาก ดัชนีคุณภาพอากาศ แบบเรียลไทม์ของ IQAir ณ วันที่ 9 มกราคม 2025 เวลา 8.30 น. กรุงเทพมหานคร ติดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยมีคะแนนดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 163 คะแนน

มลพิษหลักที่มีส่วนทำให้ระดับมลพิษสูงนี้คือ PM2.5 ซึ่งอยู่ที่ 72.5 µg/m³ ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์แนะนำประจำปีขององค์การอนามัยโลกถึง 14.5 เท่า

นอกจากกรุงเทพฯแล้ว ไทยยังมี จ.เชียงใหม่ ติดอันดับเมืองที่มีมลพิษมากที่สุดเป็นอันดับ 14 ของโลก (ณ วันที่ 9 มกราคม 2025 เวลา 8.30 น.) ทั้งนี้ อันดับดัชนีคุณภาพอากาศ AQI เปลี่ยนแปลงเสมอ เพราะเป็นข้อมูลแบบเรียลไทม์

10 เมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดในโลก

อันดับ 10 เมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุดตามการระบุของ IQAir ณ วันที่ 9 มกราคม 2025 เวลา 8.30 น.

  • นิวเดลี, ประเทศอินเดีย - US AQI: 281
  • ละฮอร์, ประเทศปากีสถาน - US AQI: 198
  • กินชาซา, ประเทศคองโก - US AQI: 191
  • กัมปาลา, ประเทศยูกันดา - US AQI: 189
  • ธากา, ประเทศบังคลาเทศ - US AQI: 187
  • ฮานอย, ประเทศเวียดนาม - US AQI: 186
  • การาจี, ประเทศปากีสถาน - US AQI: 183
  • มานามา, ประเทศบาห์เรน - US AQI: 164
  • กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย - US AQI: 163
  • โฮจิมินห์, ประเทศเวียดนาม - US AQI: 161

กรุงเทพฯอันดับ 9 อากาศมีมลพิษมากที่สุดในโลก PM2.5 สูงกว่าเกณฑ์ 14.5 เท่า

กรุงเทพฯอันดับ 9 อากาศมีมลพิษมากที่สุดในโลก PM2.5 สูงกว่าเกณฑ์ 14.5 เท่า

IQAir คืออะไร มีเกณฑ์อย่างไร

IQAir เป็นบริษัทเทคโนโลยีและข้อมูลคุณภาพอากาศระดับโลกที่ให้ข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์และการพยากรณ์ผ่านแพลตฟอร์ม AirVisual ดัชนีคุณภาพอากาศของสหรัฐ (US AQI) พัฒนาขึ้นโดยสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการสื่อสารว่าอากาศมีมลพิษมากแค่ไหนในปัจจุบัน หรือคาดว่าจะมีมลพิษมากเพียงใด

ดัชนี AQI วัดระดับมลพิษทางอากาศ 5 ชนิดที่ได้รับการควบคุมโดยพระราชบัญญัติอากาศบริสุทธิ์ ได้แก่

  • PM2.5: อนุภาคขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งสามารถแทรกซึมลึกเข้าไปในปอดและเข้าสู่กระแสเลือดได้
  • PM10: อนุภาคขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจ
  • O₃: โอโซน ซึ่งเป็นก๊าซที่อาจทำให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจและปัญหาสุขภาพอื่นๆ
  • NO₂: ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งสามารถทำให้ทางเดินหายใจเกิดการระคายเคืองและทำให้โรคทางเดินหายใจกำเริบได้
  • CO: คาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ซึ่งอาจเป็นอันตรายเมื่อสูดดมในปริมาณมาก

การอ่านดัชนี ช่วงตั้งแต่ 0 ถึง 500

IQAir รวบรวมข้อมูลจากเครือข่ายสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศและอุปกรณ์เซ็นเซอร์ที่ได้มาตรฐาน เพื่อกำหนด AQI สำหรับพื้นที่ต่างๆ ผลลัพธ์จะถูกจัดเก็บและอัพเดทแบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์ม โดยดัชนีคุณภาพอากาศ US AQI ถูกใช้เพื่อแสดงระดับมลพิษทางอากาศ และแบ่งออกเป็นช่วงค่าที่ต่างกันเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ดัชนีนี้มีช่วงค่าตั้งแต่ 0 ถึง 500 โดยแต่ละช่วงค่าจะบ่งบอกถึงระดับมลพิษและผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คน ดังนี้

  • 0-50: คุณภาพอากาศดี (สีเขียว) - ไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ
  • 51-100: คุณภาพอากาศปานกลาง (สีเหลือง) - บางกลุ่มเสี่ยงอาจรู้สึกมีอาการ
  • 101-150: คุณภาพอากาศไม่ดีสำหรับกลุ่มเสี่ยง (สีส้ม) - ผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจอาจรู้สึกไม่สบาย
  • 151-200: คุณภาพอากาศไม่ดี (สีแดง) - ผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจอาจมีอาการมากขึ้น
  • 201-300: คุณภาพอากาศแย่มาก (สีม่วง) - ทุกคนอาจรู้สึกไม่สบายจากมลพิษทางอากาศ
  • 301-500: คุณภาพอากาศอันตราย (สีม่วงเข้ม) - ภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพ, ทุกคนควรหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน

กรุงเทพฯอันดับ 9 อากาศมีมลพิษมากที่สุดในโลก PM2.5 สูงกว่าเกณฑ์ 14.5 เท่า

องค์ประกอบคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ

องค์ประกอบของคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ แบบเรียลไทม์ของ IQAir ณ วันที่ 9 มกราคม 2025 เวลา 8.30 น. คือ

  • มี PM2.5 ปริมาณ 72.5 µg/m³
  • มี PM10 ปริมาณ 119.4 µg/m³
  • มี O₃ ปริมาณ 20 µg/m³
  • มี NO₂ ปริมาณ 63.9 µg/m³
  • มี CO ปริมาณ 1,477.1 µg/m³

ระดับเหล่านี้บ่งชี้ว่าคุณภาพอากาศในกรุงเทพฯ ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ ระดับมลพิษที่สูงในกรุงเทพฯ เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการมีมาตรการเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศและปกป้องสุขภาพของประชาชน

คำแนะนำด้านสุขภาพจาก IQAir

  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายนอกบ้าน อากาศที่มีมลพิษสามารถทำให้สุขภาพแย่ลงได้ ดังนั้นควรเลือกออกกำลังกายในบ้านหรือในที่ปิดแทน
  • ปิดหน้าต่างของคุณเพื่อหลีกเลี่ยงอากาศภายนอกบ้านที่สกปรก การปิดหน้าต่างสามารถช่วยลดการได้รับมลพิษทางอากาศจากภายนอกเข้าสู่บ้าน
  • ตรวจสอบคุณภาพอากาศอย่างสม่ำเสมอ การมีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศช่วยให้คุณทราบระดับมลพิษในพื้นที่ และปรับตัวเพื่อความปลอดภัย
  • สวมหน้ากากภายนอกบ้าน การสวมหน้ากากอนามัยสามารถช่วยป้องกันการสูดดมมลพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยเลือกหน้ากากอนามัยที่มีคุณภาพดีหน้ากากที่ได้มาตรฐานสามารถป้องกันฝุ่นละออง PM2.5 และสารมลพิษอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การใช้เครื่องฟอกอากาศช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในและลดมลพิษที่ต้องหายใจเข้าไป

 

 

 

อ้างอิง : IQAir