หลายประเทศเร่งแบนบุหรี่ไฟฟ้า มหันตภัยร้ายทำลายสุขภาพ สร้าง e-waste ล้นโลก

หลายประเทศเร่งแบนบุหรี่ไฟฟ้า มหันตภัยร้ายทำลายสุขภาพ สร้าง e-waste ล้นโลก

ในยุคที่เราเผชิญกับวิกฤติสภาพอากาศ และปัญหาสุขภาพใหม่ๆ ทุกวัน สิ่งที่กำลังเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างมากคือ vape หรือบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิดรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้าทำลายสุขภาพ

KEY

POINTS

  • มีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งทั่วโลก มากกว่า 10 ล้านชิ้นต่อวัน
  • ขนาดตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ

ในยุคที่เราเผชิญกับวิกฤติสภาพอากาศ และปัญหาสุขภาพใหม่ๆ ทุกวัน สิ่งที่น่ากังวลอย่างมากคือ บุหรี่ไฟฟ้า หรือ vape ผลิตภัณฑ์ยาสูบทุกชนิดรวมถึงบุหรี่ไฟฟ้ามีผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก ส่วนใหญ่มีนิโคตินซึ่งเป็นสารเสพติด ทำให้สุขภาพของผู้สูบบุหรี่ และผู้ที่สูดดมควันบุหรี่มือสองเสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบ

บุหรี่ไฟฟ้าไม่เพียงทำลายสุขภาพ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง (Disposable Vapes) ที่ก่อให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์ (e-waste) จำนวนมาก ซึ่งเป็นปัญหาที่ยากต่อการจัดการ และมีผลกระทบระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อม

ขนาดตลาดของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง (disposable single-use vapes) ทั่วโลก (อ้างอิงจาก Coherent Market Insights) ในปี 2024 อยู่ที่ 29,960 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตลาดนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะถึง 155.65 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2031

ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 26.5% ในช่วงปี 2024 ถึง 2031 ตลาดบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งมีส่วนแบ่งตลาดราว 45.1% ในปี 2024 ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็ว และความนิยมที่เพิ่มขึ้นของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งทั่วโลก และปัญหาใหญ่ที่กำลังตามมา

ขยะบุหรี่ไฟฟ้า 10 ล้านชิ้นต่อวัน

คาดว่ามีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งทั่วโลก มากกว่า 10 ล้านชิ้นต่อวัน
Material Focus องค์กรไม่แสวงกำไรที่มีเป้าหมายแก้ไขปัญหา e-waste เปิดเผยว่า แค่ในสหราชอาณาจักร (UK) ประเทศเดียวมีการทิ้งบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง 13 ชิ้นทุกหนึ่งวินาที หรือมากกว่า 1 ล้านชิ้นต่อวัน

นอกจากนี้ ยังมีการซื้อบุหรี่ไฟฟ้าถึง 3 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ แต่มีการทิ้งหรือรีไซเคิลอย่างไม่ถูกต้องถึง 8.2 ล้านชิ้นต่อสัปดาห์ และมีเพียง 17% ของผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้าเท่านั้นที่บอกว่าพวกเขาไปทิ้งในร้านค้าหรือศูนย์รีไซเคิลในพื้นที่

ซึ่งการรีไซเคิล vape ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากขาดความร่วมมือและระบบจัดการที่เหมาะสม บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งแต่ละอันทำจากพลาสติกและภายในมีแบตเตอรี่แบบถอดไม่ได้ซึ่งมีลิเธียม ซึ่งเป็นสารพิษ ประมาณ 0.15 กรัม

รวมถึงเกลือนิโคติน และโลหะหนัก เมื่อถูกทิ้งลงไปในทะเล หรือบนบก ทำให้สัตว์ทะเล และสัตว์ป่าต่างๆ ตายได้ และเมื่อถูกทิ้งลงสู่ธรรมชาติ สารพิษจะถูกปล่อยออกมา ก่อให้เกิดมลพิษทั้งในน้ำ และในดิน

บุหรี่ไฟฟ้าต้นเหตุไฟไหม้

นอกจากนั้น แบตเตอรี่บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นสาเหตุของไฟไหม้ มีไฟไหม้ 700 ครั้งใน UK ที่เกิดจากแบตเตอรี่ในอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น บุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะแบตเตอรี่ ลิเทียมไอออนในบุหรี่ไฟฟ้าที่สามารถทำให้เกิดการลัดวงจร

การผลิตบุหรี่ไฟฟ้ายังสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติที่มีค่า เช่น ลิเทียม และทองแดง โดยบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกทิ้งในแต่ละปีสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานให้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้ถึง 10,127 คัน

นายสก็อตต์ บัตเลอร์ กรรมการบริหารของ Material Focus กล่าวว่า ปัญหาของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งก็ยิ่งลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความเสียหาย และเป็นอันตรายที่สุดเท่าที่มีมา ยังมีผู้ผลิต และผู้ค้าปลีกเพียงไม่กี่รายที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และไม่ได้จัดตั้งจุดรับ และทิ้งขยะรีไซเคิล

แห่แบนบุหรี่ไฟฟ้า

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ รัฐบาลหลายๆ ประเทศ จึงประกาศห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง เช่น เบลเยียม อังกฤษ ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย

‘เบลเยียม’ กลายเป็นประเทศแรกของสหภาพยุโรป (EU) ที่ห้ามจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังตั้งเป้าลดจำนวนผู้สูบบุหรี่รายใหม่ให้เหลือศูนย์ภายในปี 2040

นายแฟรงค์ วานเดนบรูค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ของเบลเยียม กล่าวว่า บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งถูกออกแบบมาเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่เป็นนักสูบใหม่ โดยเฉพาะคนหนุ่มสาว และก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญจากสารนิโคติน

นอกจากนี้ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุปกรณ์ใช้ครั้งเดียวที่มีพลาสติก แบตเตอรี่ และวงจรไฟฟ้า เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้องสั่งห้าม การห้ามครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของเบลเยียมในการลดอัตราการสูบบุหรี่ และส่งเสริมสุขภาพของประชาชน

ขณะที่ ‘ออสเตรเลีย’ ได้จำกัดการขายบุหรี่ไฟฟ้า โดยสามารถซื้อได้จากร้านขายยา ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2024 โดยสามารถซื้อบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อจุดประสงค์ในการเลิกบุหรี่เท่านั้น โดยมีข้อจำกัดเกี่ยวกับรสชาติ และระดับนิโคติน

กระทรวงสาธารณสุขของ ‘นิวซีแลนด์’ ได้ออกคำสั่งห้ามการผลิต และจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าแบบเติมซ้ำไม่ได้ และแบบเติมซ้ำไม่ได้ทุกประเภท รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่น ถังบรรจุนิโคติน พ็อด และตลับบรรจุ

ส่วนใน ‘อังกฤษ’ การขายบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้ครั้งเดียวจะถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมาตรการดังกล่าวออกแบบมาเพื่อลดอันตรายจากไฟไหม้ ปกป้องสิ่งแวดล้อมจากขยะอันตราย และต่อสู้กับการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างแพร่หลายในกลุ่มเยาวชน

‘สวิตเซอร์แลนด์’ เตรียมห้ามขายผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง หลังจากที่รัฐบาลลงมติเห็นชอบการห้ามดังกล่าวเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2024 โดยอ้างถึงความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อุปกรณ์เหล่านี้มักจะกลายเป็นขยะ ก่อให้เกิดมลพิษอย่างมาก และนำไปสู่ค่าใช้จ่ายในการทำความสะอาดหลายล้านดอลลาร์

โดยในปี 2022 เพียงปีเดียว มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมายังสวิตเซอร์แลนด์ถึง 10 ล้านหน่วย เพราะผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าดึงดูดใจคนหนุ่มสาว เนื่องจากมีรสชาติให้เลือกหลากหลาย และมีสีสันสดใสสะดุดตา ทำให้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ส่วน ‘ฝรั่งเศส’ ห้ามบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์แบบใช้แล้วทิ้งในเดือนกันยายน 2024 เนื่องจากความกังวลด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยกฎหมายดังกล่าวผ่านหลังจากที่สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาฝรั่งเศส ยอมรับผลกระทบด้านลบของบุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้งต่อสุขภาพของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปกำลังหารือเกี่ยวกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น

การที่หลายประเทศตัดสินใจจัดการเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้า เหตุผลหลักๆ คือ เป้าหมายปกป้องเยาวชนจากผลกระทบที่เป็นอันตรายของการเสพติดนิโคติน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้าแบบใช้แล้วทิ้ง

สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในไทย

ถึงแม้บุหรี่ไฟฟ้าถูกห้ามในประเทศไทย แต่การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การติดนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กยังเกิดขึ้นเร็ว และแรงกว่าบุหรี่ธรรมดา

บุหรี่ไฟฟ้าในไทยทั้งแบบใช้แล้วทิ้ง และบุหรี่ไฟฟ้าชนิดเติมน้ำยา เป็นสิ่ง ‘ผิดกฎหมาย’ แต่หลายคนยังสูบกันอย่างโจ๋งครึ่ม แม้กฎหมายจะสามารถเอาผิดทั้ง ‘การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า’ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

‘การนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า’ มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า ของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ ‘การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า’ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ และการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเขตปลอดบุหรี่ มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

ข้อมูลจาก สสส. ระบุว่า ผลสำรวจใน ปี 2021-2022 การใช้บุหรี่ไฟฟ้ารุนแรงเพิ่มขึ้น จาก 80,000 คน เพิ่มมาเป็น 700,0000-800,000 คน ในกลุ่มอายุ 18-30 ปี และที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กนักเรียนไทย (อายุ 13-15 ปี) ได้เพิ่มขึ้นจาก 8.1% ในปี 2564 เป็น 17.6% ในปี 2565

นักสูบบุหรี่ส่วนใหญ่เป็นนักสูบหน้าใหม่  ที่ไม่เคยสูบมาก่อน ส่วนคนที่เปลี่ยนจะหันมาใช้บุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มติดมากขึ้นเรื่อยๆ และเลิกได้ยาก จากผลสำรวจ พบว่า จะสูบทั้งสองอย่าง และการติดนิโคตินจากบุหรี่ไฟฟ้า เด็กติดเร็วกว่าบุหรี่ธรรมดา

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์