World Economic Forum 2025 ผู้นำร่วมถกที่ดาวอส แข่งขันเป็นผู้นำตลาดคาร์บอน

World Economic Forum 2025 ผู้นำร่วมถกที่ดาวอส แข่งขันเป็นผู้นำตลาดคาร์บอน

จากความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นใน COP29 นำไปสู่ระบบการกำหนดราคาคาร์บอนระดับโลก ภายใต้มาตรา 6 ของข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ซึ่งส่งเสริมให้ภาครัฐและภาคเอกชนมีส่วนร่วมมากขึ้น

KEY

POINTS

  • World Economic Forum (WEF) 2025 ที่กรุงดาวอส สวิสเซอร์แลนด์ อภิปรายหัวข้อ How to Make Carbon Pricing Effective
  • การเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 160

World Economic Forum (WEF) 2025 ที่กรุงดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2025 โดยหนึ่งในหัวข้ออภิปรายที่น่าสนใจในงานประชุม คือ How to Make Carbon Pricing Effective ที่จัดขึ้นเมื่อวานี้ (21 มกราคม)

มีผู้นำ 2 ท่านมาร่วมแบ่งปันวิสัยทัศน์ ได้แก่ “ไมซ่า โรฮัส คอร์ราดี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม ประเทศชิลี และเป็นผู้เขียนรายงาน IPCC ฉบับที่ 5 และ 6 และ "สุมันต์ สินหา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ReNew หนึ่งในบริษัทพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย โดยมี "เจนนิเฟอร์ มอร์ริส" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์กรอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นผู้ดำเนินรายการ

ตลาดคาร์บอนโต

"เจนนิเฟอร์ มอร์ริส" กล่าวว่า ตลาดคาร์บอนได้รับความสนใจอย่างมากในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ความสำเร็จเล็กๆ จากการประชุม COP29 ที่เมืองบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ที่มีการเคลื่อนไหวในเรื่อง Artilce 6  ซึ่งคือกรอบการทำงานสำหรับตลาดคาร์บอน และการเพิ่มขึ้นของพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นจะเพิ่มขึ้นประมาณ 160% ภายในปี 2030

"แต่ตอนนี้เรายังอยู่ในเส้นทางการเปลี่ยนผ่านน้ำมันและก๊าซ ดังนั้น จึงต้องสนับสนุนภาคพลังงานทั้งหมดให้เปลี่ยนไปสู่พลังงานหมุนเวียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และในขณะที่การใช้พลังงานเพิ่มขึ้น การลงทุนในตลาดคาร์บอนเป็นหนึ่งในวิธีการแก้ปัญหา ตลาดคาร์บอนกำลังเริ่มกลับมาดีขึ้น ซึ่งมีความพยายามอย่างมากในการลงทุนทั้งในด้านอุปทานคุณภาพสูงและการกำหนดราคาที่เหมาะสม"

World Economic Forum 2025 ผู้นำร่วมถกที่ดาวอส แข่งขันเป็นผู้นำตลาดคาร์บอน

ชิลีจัดเก็บภาษีคาร์บอน

“ไมซ่า โรฮัส คอร์ราดี” ได้เล่าถึงประสบการณ์ของชิลีในการจัดเก็บภาษีคาร์บอนที่เริ่มมีการใช้มาตั้งแต่ปี 2014 ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ชิลียังมีการชดเชยภาษีคาร์บอนควบคู่ไปด้วย โดยปัญหาหลักในชิลี คือ มลพิษทางอากาศที่มีความเชื่อมโยงกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซเมเทน และคาร์บอนดำ

“ชิลีใช้แนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนอย่างเข้มแข็ง ด้วยการนำเครื่องมือทั้งหมดที่มีอยู่มาใช้ รวมถึงตลาดคาร์บอนและกฎหมายที่สนับสนุนเธอยังเสริมว่า การเปลี่ยนผ่านพลังงานหมุนเวียนกำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว"

นโยบายพลังงานหมุนเวียน

“ไมซ่า โรฮัส คอร์ราดี” กล่าวด้วยว่า เมื่อไม่นานมานี้ ในปี 2019 ถ่านหินมีบทบาทสำคัญในภาคไฟฟ้าของชิลีเกือบ 40% และตอนนี้ลดลงเหลือประมาณ 20% ชิลีได้ปิดโรงไฟฟ้าถ่านหินไปแล้วประมาณหนึ่งในสาม แม้ว่าชิลีจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เราสามารถทำได้ในตลาดเล็กๆ ที่ยังมีความซับซ้อนมากมาย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประเทศเล็กอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาก็สามารถทำได้เช่นกัน

ปัจจุบัน ชิลีมีพลังงานประมาณ 40% มาจากพลังงานหมุนเวียนที่ไม่ใช่พลังน้ำ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งมีความท้าทายต่าง ๆ เช่น สายส่งไฟฟ้าและการเก็บพลังงานที่มีความสำคัญมาก ชิลีได้วางแผนระยะยาวสำหรับพลังงาน และมีกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำหนดให้เป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050

“ไมซ่า โรฮัส คอร์ราดี” ยังกล่าวถึงความสำคัญของการมีตลาดคาร์บอนที่หลากหลายและการมี Article 6 ของข้อตกลงปารีสที่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้

World Economic Forum 2025 ผู้นำร่วมถกที่ดาวอส แข่งขันเป็นผู้นำตลาดคาร์บอน

อินเดียผลิตพลังงานหมุนเวียนมากที่สุดในโลก

"สุมันต์ สินหา" กล่าวถึงบริษัท ReNew ที่มีการพัฒนาและบริหารโครงการพลังงานหมุนเวียนขนาดใหญ่ที่สุดในอินเดีย ด้วยกำลังการผลิตพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่รับรองแล้วกว่า 11,000 เมกะวัตต์ ซึ่งทำให้อินเดียเป็นประเทศที่มีการขยายพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว

ส่วนเป้าหมายของอินเดียในการขยายกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนที่ท้าทาย ซึ่งตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตที่ติดตั้งจาก 200 กิกะวัตต์ ไปถึง 500 กิกะวัตต์ภายในปี 2030 เป้าหมายนี้ทำให้อินเดียเป็นหนึ่งในสองหรือสามประเทศที่มีกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนมากที่สุดในโลก

“ผมคิดว่าอินเดียได้วางแผนเครือข่ายการส่งผ่านพลังงานล่วงหน้า 3-4 ปีจากความต้องการการผลิต และเรามีระบบศูนย์กลางที่ทำให้เราสามารถก่อตั้งโครงการในรัฐราชาสถานที่มีรังสีดวงอาทิตย์ดีที่สุดและส่งพลังงานไปยังทุกส่วนของประเทศได้ และเราต้องการตลาดคาร์บอนเดียวทั่วโลกที่มีการกำหนดราคาเดียวกัน"

การวางแผนและการจัดการที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ทำให้อินเดียสามารถตั้งโครงการในพื้นที่ที่ดีที่สุดได้และส่งพลังงานไปยังทุกส่วนของประเทศ โดยผู้คนสามารถซื้อพลังงานที่มีราคาถูกที่สุดที่สามารถผลิตได้ในประเทศนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ใด นี้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้อินเดียประสบความสำเร็จในการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนอย่างรวดเร็ว

World Economic Forum 2025 ผู้นำร่วมถกที่ดาวอส แข่งขันเป็นผู้นำตลาดคาร์บอน

อุปสรรคในหลายประเทศ

"สุมันต์ สินหา" ชี้ให้เห็นถึงความสำเร็จและอุปสรรคในการติดตั้งพลังงานหมุนเวียนในอินเดียว่า ส่วนใหญ่เกิดจากนโยบายที่เปิดกว้างโดยรัฐบาลที่มุ่งที่จะผลักดันพลังงานหมุนเวียนในช่วงเวลาที่พลังงานหมุนเวียนมีราคาแพงกว่าพลังงานฟอสซิล ผู้ซื้อที่จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมนั้น และค่าใช้จ่ายนั้นจะถูกแบ่งปันในโครงข่ายไฟฟ้าทั้งหมด และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานให้แน่ใจว่าโครงข่ายไฟฟ้าถึงทุกส่วนของประเทศ ทุกหมู่บ้านครอบคลุม

“ในสหรัฐอเมริกา มีโครงข่ายไฟฟ้า 7 หน่วยที่ไม่มีการเชื่อมโยงกันได้ดีนัก ซึ่งทำให้เกิดปัญหามากมาย ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นในหลายประเทศกำลังพัฒนาด้วย เช่น แอฟริกาที่มีประเทศกว่า 40 ประเทศที่ไม่ได้เชื่อมโยงกันดีนัก และแต่ละตลาดมีขนาดเล็ก ซึ่งทำให้ไม่สามารถตั้งโครงการขนาดใหญ่ได้”