‘Dark Tourism’ เที่ยวสถานที่มีประวัติดำมืด ทัวร์สงคราม สนองความกลัวของมนุษย์

Dark Tourism (ดาร์ก ทัวริสซึม) เป็นการเดินทางไปยังสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความสยองขวัญ หรือสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีการเสียชีวิตและความทุกข์ทรมาน
เกือบ 50 ปีก่อนเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่ “โจนส์ทาวน์” ในประเทศกายอานา เมื่อผู้นำลัทธิอย่างจิม โจนส์ และสาวกกว่า 900 คน ตัดสินใจฆ่าตัวตายหมู่ นับเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าและแปลกประหลาดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐ สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความหดหู่และสะเทือนใจ แต่มันกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้คนต่างสนใจและอยากมาเที่ยวชม
ขณะนี้ รัฐบาลกายอานากำลังพิจารณาข้อเสนอของบริษัททัวร์ที่ต้องการให้โจนส์ทาวน์กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเข้ามาเยี่ยมชมเมืองแห่งนี้ ซึ่งกลายเป็นประเด็นถกเถียงความเหมาะสม ความอ่อนไหว และด้านจริยธรรมของการเยี่ยมชมสถานที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรม หรือที่เรียกว่า “Dark Tourism”
Dark Tourism (ดาร์ก ทัวริสซึม) เป็นการเดินทางไปยังสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความสยองขวัญ หรือสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่มีการเสียชีวิตและความทุกข์ทรมาน ไม่ว่าจะเป็น ค่ายกักกัน บ้านผีสิง บ้านที่เกิดเหตุคดีฆาตกรรมหรือเหตุอาชญากรรมอันน่าตกตะลึง สถานที่ที่มีประวัติอันดำมืด เช่น ทุ่งสังหารและคุกตวลสเลง ในกัมพูชา ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ ที่ปัจจุบันอยู่ในโปแลนด์ รวมถึงสถานีพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิลที่ระเบิด
นอกจากความสนใจทางประวัติศาสตร์แล้ว ผู้คนยังไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้ เพื่อต้องการรับรู้ความรู้สึกของเหยื่อและเข้าใจถึงความอยุติธรรมที่พวกเขาได้รับและทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมาน อีกส่วนหนึ่งของเสน่ห์คือความรู้สึกทางร่างกายที่มักได้รับจากการอยู่ในสภาวะไม่สบายใจ เจมส์ จิออร์ดาโน นักวิจัยด้านประสาทชีววิทยาที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กล่าวว่าการรู้สึกกลัวจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองเฉพาะในร่างกายมนุษย์
ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวแบบ “Dark Tourism”
เครดิตภาพ: REUTERS/Kacper Pempel
“การได้ไปสถานที่ที่ทำให้เกิดความหวาดกลัว ความสยองขวัญ และหวาดเสียวเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น ความรู้สึกเหมือนกับเราได้ยืนอยู่ขอบหน้าผาลึก เหมือนกับที่บางคนอาจจะจ้องมองอย่างตั้งใจ เวลาที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่น่าสยดสยองข้างถนน ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกคล้าย ๆ กันแต่แตกต่างกันไป” จิออร์ดาโนกล่าว
ขึ้นชื่อว่าสถานที่ท่องเที่ยว ถึงแม้จะเป็นสถานที่ที่มีประวัติน่าขนลุก บรรยากาศวังเวง แต่นักท่องเที่ยวก็มั่นใจได้ว่าพวกเขาได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยอยู่ดี ดังที่จิออร์ดาโนกล่าวไว้ว่า เสน่ห์ของ Dark Tourism คือ การได้สัมผัสความตื่นเต้น เหมือนจริง แต่ไม่ใช่ความจริงเสียทีเดียว
ทัวร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องจริง
คิม คูเปอร์ และ ริชาร์ด และ ริชาร์ด เชฟ สองนักประวัติศาสตร์ของลอสแองเจลิส เริ่มจัดทัวร์ประวัติศาสตร์ดำมืด ในปี 2007 หลังจาก “The 1947 Project” บล็อกท่องเที่ยวอาชญากรรมจริงในลอสแองเจลิสของพวกเขาได้รับความนิยม โดยทัวร์นี้มีจุดประสงค์เพื่อเปิดเผย ข้อบกพร่องในอดีตและปัจจุบันของลอสแองเจลิส และเปิดเผย “บ่อเกรอะแห่งการทุจริต” ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดอาชญากรรมในเมือง
“ผู้คนต่างหลงใหลในเรื่องนี้เพราะมันเหมือนกับละคร พวกเขารู้สึกเชื่อมโยงกับบุคคลในเรื่อง รู้ว่าใครดี ใครเลว พวกเขาหาอ่านเรื่องของเหยื่อและเหตุการณ์ที่ไหนก็ได้ แต่บางทีเขาแค่ต้องการความจริงมากกว่า” คูเปอร์กล่าว
ในฐานะผู้จัดทัวร์ คูเปอร์และเชฟได้เห็นนักท่องเที่ยวหลากหลายช่วงวัยแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเมือง ซึ่งเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับอาชญากรรมมากขึ้น และเรื่องราวในอดีตบางครั้งอาจเปิดเผยปัญหาที่ยังคงต้องได้รับการแก้ไขในปัจจุบัน
บางคนมาร่วมทัวร์เหล่านี้ เพื่อจัดการกับความโศกเศร้าที่ฝังแน่นอยู่ในใจมานานหลายทศวรรษ เชฟเปิดเผยว่าครั้งหนึ่งมีชายชราวัย 80 คนหนึ่งที่มาร่วมทัวร์ โดยเขาเล่าว่าเมื่อตอนที่เขาเป็นเด็ก เขาเป็นหนึ่งในคนที่พบร่างของ “เอลิซาเบธ ชอร์ต” หรือที่รู้จักในชื่อ “คดีแบล็กดาห์เลีย” (Black Dahlia) คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ยังไขไม่ได้ และถูกนำมาเล่าในนวนิยาย ภาพยนตร์ และสื่อต่าง ๆ ในวัฒนธรรมป๊อป ซึ่งในตอนนั้นชายคนนี้ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร และภาพร่างของเอลิซาเบธที่ขาดเป็นสองท่อนยังติดตาของเขาอยู่เสมอมา
ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่สนใจ Dark Tourism จึงมีแรงจูงใจที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เพื่อการเรียนรู้และเข้าใจประวัติศาสตร์ที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ เพื่อรู้สึกได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ เพื่อระลึกและเคารพผู้วายชนม์ หรือเพียงเพื่อการเพียงแค่ดู และบางครั้งก็ต้องการชื่นชมกับความเจ็บปวดของผู้อื่นก็เท่านั้น
ทัวร์สงคราม
สงครามและการรุกรานที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดสถานที่ท่องเที่ยวแนว Dak Tourism มีเพิ่มขึ้นและได้รับความสนใจมากขึ้น แม้ว่าสงครามจะยังไม่จบก็ตาม
นับตั้งแต่การโจมตีทางทหารของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ทำให้ผู้เสียชีวิตประมาณ 1,200 รายและถูกจับเป็นตัวประกันมากกว่า 250 ราย คนดังและนักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมสถานที่ที่เกี่ยวข้องจากเหตุกาสรณ์ดังกล่าว เช่น สถานที่จัดเทศกาลดนตรี Nova และชุมชนเกษตรกรรมที่เรียกว่า คิบบุตส์ นีร์ ออส (Nir Oz Kibbutz) ในปาเลสไตน์และอิสราเอล
ทัวร์คิบบุตซ์ นีร์ ออส จะมีใช้ไกด์ท้องถิ่น โดยจะพาเยี่ยมชมบ้านของผู้เสียชีวิต ชมภาพถ่ายและรอยกระสุนปืน ขณะที่เมืองสเดร็อต เมืองใหญ่ที่สุดที่กลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มฮามาสกำลังเสนอทัวร์ฟื้นฟูเมือง ซึ่งจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเข้าใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม มากขึ้น
ยูเครนเองก็มีทัวร์ในลักษณะนี้เหมือนกัน เช่น ทัวร์สงครามดอนบาสที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะพาท่องเที่ยวไปยังแนวหน้าของความขัดแย้ง เพื่อเห็นผลกระทบของสงครามต่อประชากรในพื้นที่ด้วยตาของตนเอง โดยแนะนำให้พวกเขารู้จักกับชาวบ้านที่พลัดถิ่น ทหาร และนักรบอาสาสมัคร นอกจากนี้ยังมีทัวร์เคียฟ ซึ่งจะนำพาพวกเขาไปชมอุปกรณ์ทางทหารที่ถูกทำลายและสิ่งที่เหลืออยู่จากการโจมตีด้วยขีปนาวุธ
ความกลัวและความอยากรู้อยากเห็นเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้มนุษย์มีชีวิตชีวา เมื่อเดินทางไปยังสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความตาย จะทำให้เห็นถึงมุมมืดมิดที่สุดที่มนุษย์สามารถกระทำต่อมนุษย์ด้วยกันได้ และคอยเตือนไม่ให้ความดำมืดนั้นเข้ามาครอบงำจิตใจของเรา
ที่มา: CNN, The Conversation, Wired