ฝึก ‘เชื้อราทะเล’ กิน ‘พลาสติก’ หวังใช้แก้ปัญหา “ไมโครพลาสติก” ในทะเล

นักวิจัยกำลังฝึก “เชื้อราทะเล” ให้กิน “พลาสติก” หวังใช้เป็นแนวทางแก้ปัญหา “ไมโครพลาสติก” ในทะเล วิกฤติใหญ่สิ่งแวดล้อม
KEY
POINTS
- นักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาวาย แมโนอาได้พบ “ราทะเล” (Marine Fungi) สามารถกินพลาสติกโพลียูรีเทนได้ ซึ่งนั
“ขยะพลาสติก” เป็นปัญหามลพิษที่อันตรายที่สุดในมหาสมุทรและกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำและพืช สุดท้ายแล้วก็อาจกลับเข้ามาสู่ร่างกายมนุษย์ได้เช่นกัน นักวิจัยกำลังมองหาวิธีแก้ไขปัญหานี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาวายกำลังฝึกให้ “ราทะเล” กินไมโครพลาสติกเหล่านี้ เพื่อขจัดพลาสติกในแหล่งน้ำ
ทั่วโลกใช้พลาสติกเพิ่มมากขึ้น เพราะมีราคาถูก แข็งแรง และใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย แต่เมื่อพลาสติกโดนแสงแดด ความร้อน และแรงกดต่าง ๆ พลาสติกจะสลายตัวเป็นชิ้นเล็กจิ๋วที่เรียกว่า “ไมโครพลาสติก” ที่ถือว่าเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สร้างปัญหาใหญ่ในปัจจุบัน
ล่าสุดนักวิจัยมหาวิทยาลัยฮาวาย แมโนอาได้พบ “ราทะเล” (Marine Fungi) ชนิดหนึ่งอยู่รอบเกาะโออาฮู ในฮาวาย ที่สามารถกินพลาสติกโพลียูรีเทนได้ ซึ่งนักวิจัยเล็งจะใช้เชื้อราชนิดนี้ในการรีไซเคิลและกำจัดพลาสติกออกจากธรรมชาติ และดูเหมือนว่าจะได้ผลดี
แบคทีเรียและเชื้อราที่เติบโตบนบก กำลังถูกทดสอบความสามารถในการย่อยสลายพลาสติกแล้ว หากจุลินทรีย์ชนิดใดชนิดหนึ่งประสบความสำเร็จ คาดว่าเทคโนโลยีชีวภาพจะช่วยให้สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งระบบนิเวศ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษา “ราทะเล” โดยนักวิจัยได้เก็บตัวอย่างเชื้อราจำนวนมากที่แยกได้จากทราย สาหร่าย ปะการัง และฟองน้ำในบริเวณชายฝั่งของฮาวาย เพื่อทำการศึกษา
ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์รู้จักเชื้อราในทะเลน้อยกว่า 1% ที่มีอยู่ เนื่องจากไม่ค่อยมีใครทำการศึกษาพวกมันมากนัก ทั้งที่ราทะเลจัดเป็นผู้ย่อยสลายสำคัญในระบบนิเวศทางทะเล และสามารถกินสิ่งของที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่สามารถย่อยได้ เช่น ไม้หรือไคติน
ทีมวิจัยได้เติมโพลียูรีเทนลงในจานเพาะเชื้อขนาดเล็ก ซึ่งเป็นพลาสติกทั่วไปที่ใช้กันมากที่สุดในผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และอุตสาหกรรม จากนั้นจึงวัดว่าเชื้อราสามารถกินพลาสติกได้หรือไม่ และถ้ากินได้จะกินได้เร็วแค่ไหน
ผลการวิจัยทำให้นักวิจัยตกใจ เนื่องจากราทะเลมากกว่า 60% ที่เก็บมาจากมหาสมุทรมีความสามารถในการกินพลาสติกและเปลี่ยนพลาสติกให้กลายเป็นเชื้อรา
นอกจากนี้ ภายในเวลา 3 เดือน เชื้อราบางชนิดสามารถเพิ่มอัตราการกินอาหารได้ถึง 15% นักวิจัยกำลังพยายามทำความเข้าใจเชื้อราทะเลในระดับเซลล์และโมเลกุลให้ดีขึ้น เพื่อดูว่าเชื้อราเหล่านี้ย่อยสลายสารประกอบเหล่านี้ได้อย่างไร อีกทั้งศึกษาเชื้อราในทะเลชนิดอื่น ๆ เพื่อดูว่าเชื้อราเหล่านี้สามารถกินพลาสติกประเภทต่าง ๆ ที่ย่อยสลายได้ยากกว่าและเป็นแหล่งมลพิษทางทะเลขนาดใหญ่ได้หรือไม่
นักวิจัยหวังว่าราทะเลเหล่านี้จะเป็นวิธีทำความสะอาดชายหาดและทะเลครั้งใหญ่ได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านพลาสติกระบุว่าการหาทางย่อยสลายพลาสติกเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อีกวิธีที่จะช่วยลดมลพิษจากพลาสติกได้ดี คือ ลดการผลิตพลาสติก
ดร.แอนทายา มาร์ช ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายพลาสติกระดับโลกแห่งมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธกล่าวว่า มาตรการที่ช่วยจัดการขยะและมลพิษนั้นมีค่าจริง ๆ ในฐานะส่วนหนึ่งของแนวทางที่จำเป็น แต่การลดการผลิตพลาสติกก็มีความสำคัญเช่นกัน และเรียกร้องให้มีแนวทางที่สมดุลมากขึ้นสำหรับนโยบายพลาสติก
“สิ่งสำคัญคือต้องวางแนวทางแก้ไขปัญหาทางเทคโนโลยี ไว้ในกรอบนโยบายการจัดการพลาสติกระดับโลกที่กว้างขึ้น แต่ไม่ควรใช้นโยบายแก้ไขปัญหาขยะพลาสติก เช่น การย่อยสลายทางชีวภาพ เป็นหลัก แต่ควรมีงกฎหมายระดับชาติและระดับโลกที่มุ่งเน้นที่การลดการผลิตพลาสติกในการแก้ปัญหา” มาร์ชกล่าว
นอกจากนี้ มาร์ชแนะนำว่าควรเปลี่ยนความคิดของผู้คนให้ใช้พลาสติกใช้ครั้งเดียวน้อยลง และลดปริมาณพลาสติกที่ผลิตขึ้น ซึ่งจะช่วยให้มีขยะพลาสติกเข้าสู่ระบบนิเวศน้อยลงได้ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ ฟัลโก มาร์ติน เจ้าหน้าที่โครงการการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม Marine Plastics ที่กล่าวว่า การป้องกันไม่ให้พลาสติกเข้าสู่สิ่งแวดล้อมทางทะเลตั้งแต่แรกมีประสิทธิภาพมากกว่าการพยายามทำความสะอาดหลังจากเกิดความเสียหายมาก
“แม้ว่าการเห็นวิธีแก้ไขจากธรรมชาติที่สร้างสรรค์เพื่อแก้ปัญหามลภาวะจากพลาสติก เช่น เชื้อราในทะเลที่ย่อยสลายพลาสติกได้นั้นน่าสนใจ แต่ก็ไม่ควรใช้วิธีแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป เพราะการใช้กฎหมายระดับโลกที่จำกัดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว กำจัดสารพิษในพลาสติก และส่งเสริมการออกแบบผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น จะส่งผลกระทบมากกว่ามาก” มาร์ตินกล่าว