นักวิชาการแนะเตรียม 'คน' เร่งศึกษาต้นทุน - ผลกระทบ โรงไฟฟ้า SMR

นักวิชาการแนะเตรียม 'คน' เร่งศึกษาต้นทุน - ผลกระทบ โรงไฟฟ้า SMR

นักวิชาการแนะไทยเตรียมพร้อมกำลังคน รับเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก SMR เร่งศึกษาต้นทุน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สร้างองค์ความรู้พื้นฐาน ทำความเข้าใจประชาชน

KEY

POINTS

  • นักวิชาการแนะไทยเตรียมพร้อม “กำลังคน” รับเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ขนา

กรุงเทพธุรกิจ จัดเสวนา Roundtable หัวข้อ “SMR ทางเลือก ทางรอด Green Energy” เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 เพื่อเจาะลึกเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ SMR (Small Modular Reactor) พลังงานสะอาดที่กำลังได้รับความสนใจจากทั่วโลก

การจัดเสวนาโต๊ะกลมมีผู้ร่วมอภิปรายที่ประกอบด้วยนักวิชาการ และนักลงทุน ได้หยิบยกประเด็นที่น่าสนใจมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และมุมมองกันอย่างเต็มที่

เร่งหาคำตอบ ต้นทุนสร้าง SMR

ศ.ดร.พรายพล คุ้มทรัพย์ อดีตคณบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การใช้ SMR จะสามารถช่วยเติมเต็มความมั่นคงด้านพลังงานสะอาดได้ เพราะสามารถผลิตพลังงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน แต่ความท้าทายหนึ่งคือ ต้นทุนของเทคโนโลยี SMR ซึ่งยังคงมีราคาสูงอยู่ ดังนั้นต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ราคาลดลงในอนาคต

“ส่วนแผน PDP (Power Development Plan) 2567 ของประเทศไทย มีความท้าทายในการอนุมัติ เนื่องจากต้องผ่านการพิจารณาจากหลายหน่วยงาน เช่น คณะรัฐมนตรี และคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ซึ่งอาจทำให้แผนนี้ช้ากว่าที่คาดหวัง อย่างไรก็ตามการพัฒนาพลังงานทางเลือกนี้ ควรได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และการพัฒนาเทคโนโลยีที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต แต่คำถามใหญ่คือ เมื่อไหร่ที่แผนนี้จะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล? และมีแผนอย่างชัดเจน"

ศ.ดร.พรายพล บอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำให้พลังงาน SMR สะอาดปลอดภัย และมีต้นทุนที่เหมาะสม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต SMR สามารถแข่งกับพลังงานธรรมชาติ อย่างแสงอาทิตย์ และพลังงานลมได้ แต่ต้องมีการชี้แจงให้ชัดเจนมากขึ้นในอนาคต

"จริงๆ แล้วน่าจะไม่ได้แพงอย่างที่คิด เมื่อเทียบพลังงานรูปแบบอื่น เช่น พลังงานจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ส่วนรายละเอียดทางเทคนิคในไทยข้อมูลยังไม่ค่อยชัด ตอนที่คุยกับเจ้าหน้าที่ เขาบอกว่าต้นทุนอยู่ในเรตประมาณ 10-15% ของต้นทุนที่คาดการณ์ไว้”

นักวิชาการแนะเตรียม \'คน\' เร่งศึกษาต้นทุน - ผลกระทบ โรงไฟฟ้า SMR

สมาคมนิวเคลียร์แนะทำความเข้าใจประชาชน

นางสุชิน อุดมสมพร อุปนายกสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า SMR สามารถเป็นทางรอดได้ หากสร้างองค์ความรู้พื้นฐาน สร้างศรัทธาในภาครัฐ และมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ ที่จำเป็นที่สุดคือ ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อลดความกังวลให้แก่ประชาชน หลายคนยังไม่เข้าใจความหมายของพลังงานนิวเคลียร์อย่างถ่องแท้

“ปัจจุบันคนยังเข้าใจผิดว่า สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ทำงานเกี่ยวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กลัวว่าจะปล่อยกัมมันตภาพรังสี ทั้งที่เป็นงานด้านเทคโนโลยีรังสีทางการแพทย์ หรือบางคนยังคิดว่านิวเคลียร์เป็นเรื่องไกลตัว และอันตราย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเอกซเรย์ หรือการรักษาทางแพทย์อย่างการฉายรังสี ก็มาจากรังสีนิวเคลียร์ หรือแม้แต่ในร่างกายของเราก็มีรังสีโพแทสเซียม-40 ซึ่งมนุษย์ได้รับมาจากการบริโภคอาหาร”

โดยจำเป็นต้องบรรจุเรื่องนิวเคลียร์ลงในหลักสูตรการศึกษา ตั้งแต่ระดับโรงเรียน ไปจนถึงมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการปูพื้นฐานให้คนรุ่นใหม่ และสร้างบุคลากรให้พร้อมสำหรับสายงานด้านนิวเคลียร์

นางสุชิน กล่าวด้วยว่า การพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ว่าจะขนาดใดก็ตามล้วนเป็นทางออกทั้งนั้น หากภาครัฐเรียกศรัทธาได้ ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น ที่มีหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยหลายองค์กรทั้งภาครัฐ อุตสาหกรรม ภาคประชาชนเข้ามาร่วมตรวจสอบรังสีในสิ่งแวดล้อมด้วยความโปร่งใส เมื่อประชาชนเชื่อมั่นจะลดการต่อต้านลง

นิวเคลียร์ไทยเสี่ยงสะดุดขาด “คน”

รศ.ดร.สมบูรณ์ รัศมี หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเตรียมบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นก้าวสำคัญ แม้ประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งเพิ่งเริ่มต้นศึกษา และพัฒนาโครงการด้านพลังงานนิวเคลียร์ แต่ไทยมีความแตกต่างตรงที่มีประสบการณ์ และองค์ความรู้ในระดับหนึ่ง 

อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคือ การขาดแคลนบุคลากรที่มีความพร้อม เนื่องจากภายในปี 2580 หรืออีกประมาณ 13 ปีข้างหน้า อาจไม่มีบุคลากรที่มีทักษะ และประสบการณ์เพียงพอรองรับอุตสาหกรรมนี้

ในอดีตโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ของไทย มีความคืบหน้าเป็นระยะ แต่เผชิญอุปสรรค และหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดการทบทวนแนวทางพัฒนาโครงการพลังงานนิวเคลียร์ใหม่ทั้งหมด หลังจากนั้น จึงมีความพยายามปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และพัฒนาแนวทางเตรียมบุคลากรโดยเฉพาะระดับปริญญาโทเน้นสาขารังสี และการใช้งานด้านนิวเคลียร์

การพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่สามารถพึ่งพาเพียงแค่เทคโนโลยีหรือต้นทุนได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเป็นอันดับแรก ภาครัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการผลักดัน โดยสร้างองค์ความรู้ที่ลึกซึ้ง และระบบการศึกษาที่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์

ฟิวชันนิวเคลียร์ คู่แข่ง SMR

นพ.ศุภชัย ปาจริยานนท์ Managing Partner จาก SeaX Ventures กล่าวว่า เทคโนโลยี SMR หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กเป็นพลังงานประเภทฟิชชันที่มีมาระยะหนึ่งแล้ว ความปลอดภัยมีการพัฒนา และยกระดับขึ้นมาสูงมาก

“แต่เทคโนโลยีที่มาใหม่ และน่าสนใจคือ ฟิวชัน ซึ่งเป็นพลังงานนิวเคลียร์เหมือนกัน เพียงแต่การพัฒนาปัจจุบันก้าวหน้าไปเร็วมาก โดยกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา ช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา ได้ทุ่มเงินทุนหลายพันล้านเพื่อสนับสนุนการพัฒนาฟิวชันให้เกิดความก้าวหน้ารวดเร็ว ซึ่งตอนนี้พลังงานฟิวชันไม่ใช่แค่เรื่องการวิจัย และพัฒนาแล้วแต่อยู่ในขั้นทดลอง”

เมื่อพูดถึงข้อดีของฟิวชัน นพ.ศุภชัย กล่าวว่า หนึ่งคือ ความปลอดภัยจะสูงกว่า เพราะฟิวชันไม่ใช้ยูเรเนียม และอาจไม่มีปัญหาหรือขยะนิวเคลียร์มากเหมือนกับฟิชชัน หรือ SMR ที่ใช้ยูเรเนียม ซึ่งฟิวชันจะใช้วัสดุอื่นที่มีปริมาณน้อยกว่า ดังนั้นเรื่องของความปลอดภัยจะมีสูงขึ้น

สองคือ เรื่องของความเสถียรภาพ ฟิวชันใช้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนกับ SMR ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศหรือฟ้าลม เป็นข้อดีที่สำคัญเช่นกัน อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจที่ศึกษาวิจัยคือ เรื่องต้นทุน พลังงานมีต้นทุนถูกกว่า SMR ประมาณ 50% ส่งผลให้ประชาชนใช้ไฟในราคาถูกกว่าเดิมในระยะยาว และสามระยะเวลาก่อสร้างไม่นาน

นพ.ศุภชัย กล่าวด้วยว่า จากที่ได้พูดคุยกับบริษัทต่างๆ พบว่า ต้นทุนในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันนั้นต่ำกว่า SMR ประมาณ 50% จุดนี้ทำให้เราเริ่มสนใจพลังงานฟิวชันมากขึ้น และล่าสุดมีข่าวใหญ่จากอเมริกาที่บ่งชี้ว่า บริษัทฟิวชันเอ็นเนอร์จี้ในสหรัฐ ได้เซ็นสัญญากับ TVA (Tennessee Valley Authority)

ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ เพื่อร่วมลงทุนตั้งโรงงานพลังงานฟิวชันร่วมกัน หมายความว่าไม่ใช่แค่การทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเท่านั้น แต่เป็นการลงทุนร่วมกันในการตั้งโรงงาน เพื่อให้มีความมั่นใจในเทคโนโลยี และความคืบหน้าในอนาคต

“จุดนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ทำให้พลังงานฟิวชันน่าจะมีบทบาทในระดับโลกมากขึ้น เราจึงควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ในประเทศไทยเช่นกัน และการทำไฮบริดพลังงาน SMR และพลังงานทดแทนอื่นๆ เราก็สามารถทำไปควบคู่กัน โดยเฉพาะการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ต้นทุนกำลังลดลงเรื่อยๆ

ทั้งนี้ เราควรพิจารณาการนำพลังงานฟิวชันเข้ามาอยู่ในแผน PDP (Power Development Plan) ของไทยอย่างเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ไทยตกขบวนพลังงานสะอาด โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยี SMR และฟิวชันสามารถเสริมกันได้ในระยะยาว"

ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ ต้องทำให้แน่ใจว่าเราไม่ต้องรอต่อคิวจากประเทศอื่นๆ ต้องสร้างความน่าสนใจในเรื่องนี้ขึ้นในประเทศไทยเช่นเดียวกับที่เราเห็นอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เติบโตจากการสร้างโอกาส และความสนใจให้กับนักลงทุน

“ตัวอย่างที่ผมคิดคือ การสร้าง แซนด์บ็อกซ์ สำหรับพลังงาน SMR หรือฟิวชัน ซึ่งช่วยให้เราเร่งพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ได้เร็วขึ้น ผมเชื่อว่าเราสามารถตั้งเป้าหมายการพัฒนาแซนด์บ็อกซ์นี้ภายใน 5 ปี เพื่อให้เกิดการทดลองใช้งานจริง”

 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์