'สภาลมหายใจเชียงใหม่' ร้องแก้ปัญหาข้าวโพด-ไฟป่า ลดมลพิษ PM2.5

การลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ป่าและอุทยานแห่งชาติ พร้อมเรียกร้องให้มีการจัดการสิทธิที่ดินและการสนับสนุนจากภาครัฐ
KEY
POINTS
- การก่อตั้งสภาลมหายใจเชียงใหม่และบทบาทในการแก้ไขปัญหาไฟป่า
- วิ
เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตอย่างยั่งยืน พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐและประชาชนในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 และไฟป่าภาคเหนือ
สุรีรัตน์ ตรีมรรคา รองประธานสภาลมหายใจเชียงใหม่ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษจากฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ กล่าวว่าการลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นแนวทางที่เหมาะสมและยั่งยืน แต่ต้องมีการวางแผนและการสนับสนุนจากทุกภาคส่วนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการจัดการพื้นที่ป่าหรืออุทยานแห่งชาติที่มีการปลูกข้าวโพด ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข โดยการจัดการสิทธิที่ดินและการสนับสนุนจากภาครัฐจะช่วยให้เกษตรกรสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตได้อย่างยั่งยืน
"ข้อเรียกร้องคือการมอบอำนาจให้ท้องถิ่นในการจัดการและลดการเผาไฟลักลอบ พร้อมทั้งส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนในการควบคุมการเผาไฟ รวมถึงการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายในการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างมีประสิทธิภาพ"
การก่อตั้งสภาลมหายใจเชียงใหม่และบทบาทในการแก้ไขปัญหาไฟป่า
สภาลมหายใจเชียงใหม่ก่อตั้งขึ้นจากแรงผลักดันของประชาชนที่เผชิญกับปัญหาไฟป่ารุนแรงในช่วงต้นปีเดียวกัน องค์กรนี้มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานด้านมลพิษทางอากาศและปัญหาไฟป่า โดยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
วิกฤตไฟป่าเชียงใหม่ เสียงสะท้อนของประชาชนและแนวทางแก้ไข
ปัญหาไฟป่าในจังหวัดเชียงใหม่เกิดขึ้นต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้ประชาชนต้องเผชิญกับมลพิษทางอากาศที่รุนแรง หลายฝ่ายได้วิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาของภาครัฐที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ พร้อมเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง การเข้าใจสาเหตุของไฟป่าและความร่วมมือจากชุมชนจึงเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
มลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อวิถีชีวิต
มลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 ที่เกิดจากไฟป่า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคมในเชียงใหม่ ซึ่งมีพื้นที่ป่ามากถึง 13 ล้านไร่ จากทั้งหมด 19 ล้านไร่ การจัดการปัญหานี้ต้องอาศัยแนวทางที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพอากาศเป็นหลัก รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ให้ประชาชนเข้าใจถึงผลกระทบของมลพิษและแนวทางการป้องกัน
- การจัดการคุณภาพอากาศในเชียงใหม่
- การรับมือกับปัญหาฝุ่น PM2.5 ต้องอาศัยหลายแนวทาง ได้แก่ การป้องกันตนเองในช่วงที่ค่าฝุ่นอยู่ในระดับอันตราย และการลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะและโรงงานอุตสาหกรรม
การเฝ้าระวังและเตรียมรับมือกับปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้งที่สภาพอากาศทำให้ฝุ่นสะสมในอากาศมากขึ้น
การลดไฟป่าและการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน
การลดไฟป่าในเชียงใหม่ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง เนื่องจากยังไม่เข้าใจสาเหตุอย่างถ่องแท้ โดยไฟป่าส่วนใหญ่มาจาก การเกษตรเชิงเดี่ยว เช่น การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งขยายพื้นที่เข้าไปในป่า การใช้ไฟในการเกษตรของชนเผ่าพื้นเมืองบางกลุ่มในรูปแบบหมุนเวียนอาจเป็นแนวทางที่ควรศึกษาและนำมาปรับใช้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน
การจัดการไฟป่าอย่างยั่งยืนและแนวทางในระดับจังหวัด
ไฟป่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเป็นวงจร การใช้มาตรการ ห้ามเผาโดยเด็ดขาด จึงไม่ได้ผลเสมอไป นโยบายที่มุ่งเน้นความเป็นธรรมและการอยู่ร่วมกันของคนกับป่าอย่างสมดุลจึงเป็นแนวทางที่ดีกว่า โมเดลการจัดการไฟป่าในระดับจังหวัดควรเน้นที่
- การสำรวจแหล่งกำเนิดไฟป่า เช่น เศษวัสดุทางการเกษตร
- การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในป่าอย่างเป็นระบบ
- การเพิ่มบุคลากรและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการควบคุมไฟป่า
มลพิษทางอากาศกับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งปอด
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า อัตราผู้ป่วยมะเร็งปอดในภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2563 เขตสุขภาพที่ 1 พบผู้ป่วยมะเร็งปอด 19,000 คน และเพิ่มขึ้นเป็น 36,000 คน ในปีต่อๆ มา องค์การอนามัยโลก (WHO) และงานวิจัยหลายฉบับยืนยันว่า ฝุ่น PM2.5 เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปอด การคัดกรองและวินิจฉัยโรคจึงมีความสำคัญยิ่ง
แนวทางคัดกรองมะเร็งปอดและเทคโนโลยีซีทีสแกน
เพื่อช่วยคัดกรองประชาชนที่เสี่ยงต่อมะเร็งปอดจากฝุ่น PM2.5 สามารถใช้เทคโนโลยี เอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลเอกชนอยู่ที่ 3,500-6,500 บาท การสนับสนุนให้มีการทดลองใช้เทคโนโลยีนี้และพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับประชาชนทั่วไปจึงเป็นสิ่งจำเป็น
การวิจัยผลกระทบจากการปลูกข้าวโพด
การปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในภาคเหนือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก โดยเฉพาะการเผาตอซังที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น PM2.5 หน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น โรงพยาบาลศิริราช ได้รับการสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมสุขภาพให้ศึกษาผลกระทบของฝุ่นละอองขนาดเล็กและหาแนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้
ข้อเสนอแนะเพื่อแก้ไขปัญหาไฟป่าและมลพิษทางอากาศ
- ปรับเปลี่ยนนโยบายจากการห้ามเผาเป็นการบริหารจัดการไฟอย่างยั่งยืน
- ส่งเสริมการใช้โปรตีนทางเลือกเพื่อลดการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
- ให้ความสำคัญกับสุขภาพประชาชนโดยสนับสนุนการคัดกรองมะเร็งปอด
- เพิ่มการวิจัยและพัฒนานโยบายสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ
การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและไฟป่าในเชียงใหม่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ตั้งแต่ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ องค์กรอิสระ และภาคธุรกิจ การสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจจึงเป็นแนวทางที่ยั่งยืนที่สุดในการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในระยะยาว