BOI เปิด 4 มาตรการดันธุรกิจ ปรับรับ 'สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว'

"บีโอไอ" แนะ 4 มาตรการหลัก เพื่อต้องหนุนภาคธุรกิจเร่งปรับตัวรับกับ "สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว" สุดท้าย ธุรกิจที่มองไกลเท่านั้น ที่จะเป็นผู้นำในโลกใบใหม่
KEY
POINTS
- ปรากฏการณ์สภาพอากาศแปรปรวน (Weather Whiplash) หรือ สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว ที่
จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วันนี้แล้งจัด พรุ่งนี้ฝนตกหนัก เดือนที่แล้วร้อน 40°C เดือนนี้น้ำท่วมเมือง เช้านี้หนาวจับใจ แต่เย็นนี้อากาศร้อนจนแทบทนไม่ไหว ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฉากในหนังไ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) รายงานว่าปรากฏการณ์สภาพอากาศแปรปรวนดังกล่าวที่เรียกว่า “Weather Whiplash หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "สภาพอากาศเหวี่ยงสุดขั้ว" ที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงในเวลาสั้น ๆ จากสุดขั้วหนึ่งไปยังอีกสุดขั้วหนึ่ง
ทั้งนี้ วิทยาศาสตร์ ได้คาดการณ์ว่า ภายในปี 2025 ปรากฏการณ์นี้จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 31% เป็น 66% และอาจเพิ่มขึ้นถึง 170% ในอนาคต ทำให้เกิดลมพัดแรงขึ้น ฝนตกหนักขึ้น และไฟป่ารุนแรงกว่าที่เคยเกิดมา
นอกจากนี้ หากยกตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นแล้ว จะพบว่า การเกิดไฟป่าครั้งใหญ่ที่ลอสแอนเจลิสในปี 2025 มาจากภัยแล้งที่ต่อเนื่องทำให้ต้นไม้ยืนต้นตาย ฝนตกหนักในปีถัดมาทำให้พืชพรรณเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อความแห้งแล้งกลับมาในปี 2024 ต้นไม้ที่เคยเขียวกลับกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีทำให้ไฟป่าลุกลามรวดเร็วจนควบคุมไม่ได้
ดังนั้น เหตุผลที่ภาคธุรกิจจะต้องให้ความสำคัญและสนใจกรณี "Weather Whiplash" ว่าไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว ยกตัวอย่างเจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในภาคตะวันออกของประเทศไทย โดยช่วงต้นปีโรงงานจะต้องหยุดการผลิตเนื่องจากภัยแล้งที่รุนแรงทำให้ขาดแคลนน้ำสำหรับกระบวนการผลิต
และเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นทำให้โรงงานสามารถกลับมาผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกครั้ง แต่กลับต้องเผชิญกับฝนที่ตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันทำให้สินค้าคงคลังเสียหายและการขนส่งเกิดความล่าช้าเกิดขึ้น
"ถือเป็นภาพสะท้อนของ "Weather Whiplash" ที่กำลังส่งผลต่อ โลจิสติกส์ การผลิต พลังงาน เกษตรกรรม ไปจนถึงอสังหาริมทรัพย์"
นอกจากนี้ กรณี "Weather Whiplash" ได้ส่งกระทบธุรกิจต่อภาคธุรกิจ แบ่งเป็น
- ต้นทุนพุ่ง ซัพพลายเชนสะดุด : จากการที่วัตถุดิบขาดแคลน แหล่งน้ำไม่พอใช้ในการผลิต ไฟฟ้าดับจากภัยพิบัติ โดยทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วแบบไม่มีสัญญาณเตือน
- ของแพงขึ้น แต่กำไรอาจไม่ได้เพิ่มขึ้น : ผลผลิตทางการเกษตรลดลง ค่าขนส่งสูงขึ้น ค่าแรงกระทบทุกอุตสาหกรรม ธุรกิจที่ไม่มีแผนสำรองอาจต้องลดขนาดหรือปรับโมเดลธุรกิจ
- นักลงทุนและลูกค้ารุ่นใหม่ "เลือกข้าง" ชัดเจน : นโยบายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (Environmental, Social, Governance : ESG) จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือเงื่อนไขมาตรฐานใหม่ของโลกธุรกิจ อีกทั้ง กองทุนระดับโลกลดการลงทุนในธุรกิจที่สร้างมลพิษ ผู้บริโภคหันไปหาแบรนด์ที่ใส่ใจความยั่งยืนมากขึ้น
ทั้งนี้ "Weather Whiplash" จึงไม่ใช่แค่เรื่องของภัยธรรมชาติ แต่ยังเป็นบททดสอบการปรับตัวของภาคธุรกิจ"
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า บีโอไอ มีแนวคิด "BOI x ความยั่งยืน" สะท้อนโอกาสของภาคธุรกิจกับมาตรการสนับสนุนยุคโลกรวน ซึ่งบีโอไอเล็งเห็นถึงความสำคัญของการปรับตัวของภาคธุรกิจเพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงผ่านมาตรการต่าง ๆ เช่น
1. มาตรการยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่ Smart & Sustainable Industry
- สนับสนุนให้โรงงานอัปเกรดเครื่องจักร ลดมลพิษ ใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น โซลาร์เซลล์หรือพลังงานสะอาด
- เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ได้มาตรฐานสากล
2. มาตรการส่งเสริมกิจการที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน
- ส่งเสริมธุรกิจรีไซเคิล ธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะและพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม ชีวมวล ไฮโดรเจน
- สนับสนุนธุรกิจบริการด้านจัดการพลังงาน และการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เพื่อลดมลพิษ
3. กำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมสำหรับบางธุรกิจให้ใช้เทคโนโลยีหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- กำหนดให้ภาคอุตสาหกรรมที่ปล่อยคาร์บอนสูงต้องใช้เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS)
- ส่งเสริม Smart Environment เป็นเงื่อนไขพื้นฐานในการส่งเสริมธุรกิจพัฒนาพื้นที่เมืองอัจฉริยะ
4. มาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและสังคม
- สนับสนุนโครงการที่ช่วยชุมชน เช่น เกษตรแม่นยำ ลด PM 2.5 และการจัดการขยะชุมชน
อย่างไรก็ตาม บีโอไอ ยังได้สะท้อนถึงภาคธุรกิจว่า "ธุรกิจที่ปรับตัวก่อน = ได้เปรียบก่อน" เนื่องจากพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจหมุนเวียนกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ภาคธุรกิจจึงต้องลงทุนในโซลูชันที่ลดผลกระทบจากอากาศแปรปรวน ใช้ Big Data คาดการณ์ความเสี่ยง และไม่พึ่งพาแหล่งผลิตเพียงจุดเดียว
รวมไปถึงการใช้ประโยชน์จากมาตรการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอที่ช่วยให้ธุรกิจเปลี่ยนผ่านง่ายขึ้น ลดต้นทุนพลังงาน และได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี ดังนั้น สุดท้าย ธุรกิจที่มองไกลเท่านั้น ที่จะเป็นผู้นำในโลกใบใหม่