‘พอยต์นีโม่’ จุดห่างไกลที่สุดในโลก ถูกใช้เป็น ‘สุสานยานอวกาศ’ 

‘พอยต์นีโม่’ จุดห่างไกลที่สุดในโลก ถูกใช้เป็น ‘สุสานยานอวกาศ’ 

“พอยต์นีโม่” จุดที่ห่างไกลที่สุดในโลก ถูกใช้เป็น “สุสานยานอวกาศ” แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปลานีโม่ทั้งสิ้น

KEY

POINTS

  • “พอยต์นีโม่” หรือ “ขั้วมหาสมุทรที่เข้าไม่ถึง” (Oce

พอยต์นีโม่” จุดที่ห่างไกลที่สุดในโลก ห่างไกลมากจนมนุษย์ที่อยู่ใกล้ที่สุดมักเป็นนักบินอวกาศซึ่งอยู่สูงเหนือพื้นโลก ด้วยความโดดเดี่ยวนี้เอง ทำให้จุดนี้ถูกใช้เป็น “สุสานยานอวกาศ” แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับปลานีโม่ทั้งสิ้น

จุดนี้ถูกตั้งชื่อตาม กัปตันนีโม่ กัปตันเรือดำน้ำนอติลุสจากเรื่อง “Twenty Thousand Leagues Under the Sea” ของจูลส์ เวิร์นที่ตีพิมพ์ในปี 1870 ในภาษาละติน คำว่า “nemo” แปลว่า ไม่มีใคร (No One) ดังนั้นชื่อนี้จึงเหมาะสมกับจุดที่อยู่ห่างไกลจากแผ่นดินมากที่สุดบนโลก โดยจุดนี้ตั้งอยู่ที่พิกัด 48°52.6′S 123°23.6′W อยู่ระหว่างแผ่นดินของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอเมริกาใต้ ห่างจากหมู่เกาะพิตแคร์นไปที่อยู่ใกล้ที่สุดราว 2,700 กิโลเมตร โดยจุดนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “ขั้วมหาสมุทรที่เข้าไม่ถึง” (Oceanic pole of inaccessibility)

เนื่องด้วยจุดนี้อยู่ไกลมากจนแทบจะไม่มีใครเคยเดินทางไปถึง (เช่นเดียวกับสัตว์น้ำที่ไม่อยู่อาศัยเพราะไม่มีแหล่งอาหาร) พอยต์นีโม่จึงถูกค้นพบด้วยคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์วเย่ ลูคาเตลา วิศวกรสำรวจชาวโครเอเชีย-แคนาดา เมื่อปี 1992 ในตอนนั้นลูคาเตลาใช้โปรแกรมพิเศษในการค้นหาจุดที่อยู่ห่างจากเกาะเล็ก ๆ สามเกาะที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วมหาสมุทร ได้แก่ เกาะดูซี่ ส่วนหนึ่งของหมู่เกาะพิตแคร์น ทางทิศเหนือ เกาะโมตูนูอี ส่วนหนึ่งของหมู่เกาะอีสเตอร์ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเกาะมาเฮ ทวีปแอนตาร์กติกา ทางทิศใต้ ด้วยระยะทางเท่า ๆ กัน

เมื่อลากเส้นจากทั้ง 3 เกาะมาเจอกันก็จะเจอกับพอยท์นีโม่ แน่นอนว่าเมื่อเจอจุดที่อยู่ห่างไกลแล้ว ย่อมต้องมีคนตามไปสำรวจ โดยผู้ที่มาเยือนจุดนี้เป็นคนแรก คือ คริส บราวน์ นักสำรวจชาวอังกฤษ โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 8 วันเศษจากเกาะที่ใกล้ที่สุดจึงจะไปถึงที่นั่น

‘พอยต์นีโม่’ จุดห่างไกลที่สุดในโลก ถูกใช้เป็น ‘สุสานยานอวกาศ’  พอยต์นีโม่ บนแผ่นที่โลก

ถึงบราวน์จะใช้เวลาเดินทางไม่นานเพื่อเป็นยังพอยท์นีโม่ แต่จุดนี้ก็ยังถือเป็นสถานที่ห่างไกลและเข้าถึงได้ยากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอยู่ดี เพราะจุดนี้ห่างไกลจากแผ่นดินมากที่สุด รายล้อมไปด้วยมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ หากไกลจนนักบินอวกาศที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ  (ISS) อยู่ใกล้กับพอยต์นีโม่มากกว่าผู้คนบนดินด้วยซ้ำ เพราะ ISS โคจรอยู่เหนือจุดนี้ด้วยความสูงราว 400 กิโลเมตรเท่านั้น

ที่สำคัญ จุดนี้ยากต่อการเดินทาง เนื่องจากหาสมุทรแปซิฟิกใต้ยังขึ้นชื่อในเรื่องสภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ อุณหภูมิที่เย็น กระแสน้ำที่แรง และคลื่น ทำให้การเดินทางด้วยเรือหรือเรือขนาดเล็กเป็นอันตรายและใช้เวลานาน และทำให้หลงทางได้ง่าย ๆ

มนุษย์จึงใช้ประโยชน์จากความห่างไกลของพอยท์นีโม่นี้ ให้กลายเป็นจุดทิ้งดาวเทียมเก่าและเศษซากจากสถานีอวกาศ และมั่นใจได้แน่ว่าจะทิ้งเศษซากเหล่านี้ได้อย่างปลอดภัย ไม่ทำอันตรายแก่มนุษย์หรือเรือลำใด เมื่อมีสารเคมีรั่วไหลออกมา

เมื่อรวมกับการขาดออกซิเจนตามธรรมชาติในมหาสมุทรลึก อุณหภูมิที่เย็นยะเยือก และแสงแดดที่สาดส่องไม่ถึง ซึ่งช่วยลดอัตราของกระบวนการทางเคมี เช่น การเกิดสนิม ปัจจัยทั้งหมดยิ่งทำให้พอยต์นีโมมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

พอยต์นีโม่เป็นแหล่งทิ้งยานอวกาศของหน่วยงานด้านอวกาศของทั่วโลกมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1970 ไม่ว่าจะเป็นนาซ่า องค์การอวกาศยุโรป องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น หรือโครงการอวกาศของรัสเซียล้วนปล่อยยานวอกาศลงที่นี่ทั้งสิ้น จนถูกขนานนามว่าเป็น  “สุสานยานอวกาศ” คาดว่าในปัจจุบันมียานอวกาศเกือบ 300 ลำ ลำที่ตั้งใจจะออกจากวงโคจรและถูกส่งกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกเหนือพอยต์นีโม่

รัสเซียเป็นประเทศที่ทิ้งยานอวกาศลงสุสานมากที่สุดในบรรดาประเทศทั้งหมด ตั้งแต่ยุคโซเวียตจนถึงการก่อตั้งรัฐวิสาหกิจรอสคอสมอส องค์การของรัฐบาลที่รับผิดชอบกิจการด้านโครงการวิทยาศาสตร์และอวกาศของรัสเซีย โดยรัสเซีย ได้ปล่อยสถานีอวกาศซัลยุท 6 แห่ง ยานขนส่งเสบียงไร้คนขับนับร้อยลำ รวมถึงสถานีอวกาศมิร์ลงในพอยต์นีโม่

SpaceX มีกำหนดจะปลดระวางและปล่อยสถานีอวกาศนานาชาติขนาด 450 ตัน ลงสู่พอยต์นีโม่ ในปี 2031 ซึ่งจะกลายเป็นยานอวกาศขนาดใหญ่ที่สุดที่อยู่ในสุสานอวกาศแห่งนี้ 

ฟังดูแล้วการปล่อยขยะอวกาศลงสู่มหาสมุทรอาจเป็นเรื่องไม่เหมาะสม แต่สไตน์ เลมเมนส์ นักวิเคราะห์ด้านเศษซากในอวกาศของสำนักงานอวกาศยุโรป กล่าวกับ Live Science ว่า นี่เป็นวิธีนี้ ปลอดภัยกว่าปล่อยให้ยานที่ปลดประจำการแล้วลอยอยู่ในวงโคจรตลอดไป

“ปัจจุบันมีวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ทราบแล้ว 40,000 ชิ้นโคจรรอบโลกของเรา ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 5 เซนติเมตร ไปจนถึงยานขนาดยักษ์อย่าง ISS ยิ่งเศษซากในอวกาศมีความหนาแน่นมากเท่าไร ความเสี่ยงที่เศษซากแต่ละชิ้นจะชนกันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เศษซากเคลื่อนที่เร็วขึ้น อาจเกิดการชนกันเป็นระลอก จนทำให้สภาพแวดล้อมในวงโคจรแออัด จนไม่ปลอดภัยพแที่จะส่งยานอวกาศลำใหม่ได้” เลมเมนส์กล่าว

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าการทิ้งเศษซากในอวกาศลงสู่ทะเลเป็นวิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ เลมเมนส์กล่าวว่า ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่ายานอวกาศเหล่านี้ไม่ได้ทำให้โลกเป็นมลพิษโดยไม่จำเป็นเช่นกัน

ด้วยความห่างไกลของพอยท์นีโม่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับจุดนี้มากนัก รู้เพียงแต่ว่ามีความลึกราว 4,000 เมตร ไม่ค่อยมีสิ่งชีวิตทางทะเลที่เบาบาง เพราะมีระดับสารอาหารต่ำ เป็นผลจากกระแสน้ำอ่อน แต่ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนใครนี้ ก็ถือเป็นจุดที่เหมาะสมกับกระบวนการทางมหาสมุทรและวิวัฒนาการ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ต่างสงสัยว่าในจุดนี้จะมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดและความลึกลับมากมายที่ซ่อนอยู่ที่นั่นหรือไม่ และยังคงเชื้อเชิญให้เราอยากรู้อยากเห็น สำรวจ และเรียนรู้เกี่ยวกับมุมที่ซ่อนอยู่ การผจญภัย และความลึกลับของโลกของเรา

 

ที่มา: BBCLive ScienceQuartzStarlustThe MergeUSA Today