เช็กหน่วยริกเตอร์ แต่ละแมกนิจูดแผ่นดินไหวแรงแค่ไหน? มีผลกระทบอะไรบ้าง

เช็กหน่วยริกเตอร์ แต่ละแมกนิจูดแผ่นดินไหวแรงแค่ไหน? มีผลกระทบอะไรบ้าง

การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสเกลนี้ ช่วงขนาดต่างๆ และผลกระทบที่เกิดขึ้นสามารถช่วยให้ทั้งบุคคลและชุมชนเตรียมพร้อมและตอบสนองต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ดีขึ้น

KEY

POINTS

  • มาตราริกเตอร์ พัฒนาโดย Charles F. Richter ในปี 1935 เพื่อวัดขนาดของแผ่นดินไหวโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ ผลลัพธ์จะแสดงในรูปแบบ Magnitudes
  • แต่ละระดับมีผลกระทบที่แตกต่างกัน
  • วันที่ 28 มีนาคม 2025 เกิดแผ

วันนี้ (28 มีนาคม 2025) เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูดในประเทศพม่า โดยจุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ตอนกลางของพม่า ใกล้กับเมืองสำคัญอย่างเนปยีดอ (เมืองหลวง) และย่างกุ้ง แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลกระทบไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงอินเดีย บังกลาเทศ จีน และประเทศไทย

ในประเทศไทย แรงสั่นสะเทือนสามารถรับรู้ได้ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีรายงานว่าผู้คนในอาคารสูงรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างชัดเจน และบางส่วนได้อพยพออกจากอาคารเพื่อความปลอดภัย มีรายงานความเสียหายและการบาดเจ็บในประเทศไทย อย่างไม่เป็นทางการ เจ้าหน้าที่กำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ แรงที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหวมักมาจากการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกตามขอบเขต เช่น ขอบแผ่นเปลือกโลกที่เป็นรอยชนกัน (Convergent Boundary) รอยเคลื่อนตัวขนาน (Transform Boundary) หรือรอยเลื่อนตามแนวขยายตัว (Divergent Boundary)

ช่วงขนาดและผลกระทบของแผ่นดินไหว

เมื่อพูดถึง มาตราริกเตอร์ (Richter scale) เราจะพูดถึงการวัดความแรงหรือขนาดของแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เป็นมาตราที่ถูกพัฒนาโดย Charles F. Richter ในปี 1935 เพื่อวัดขนาดของแผ่นดินไหวโดยใช้เครื่องมือเฉพาะ ซึ่งเป็นสเกลเชิงลอการิธึมที่วัดปริมาณพลังงานที่ปล่อยออกมาจากแผ่นดินไหว หรือที่เรียกว่า ขนาด ของแผ่นดินไหว

โดยแบ่งเป็นระดับต่างๆ ซึ่งแต่ละระดับมีผลกระทบที่แตกต่างกัน นี่คือข้อมูลเกี่ยวกับระดับความแรงของแผ่นดินไหวตาม มาตราริกเตอร์ และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

เช็กหน่วยริกเตอร์ แต่ละแมกนิจูดแผ่นดินไหวแรงแค่ไหน? มีผลกระทบอะไรบ้าง

น้อยกว่า 2.0 (ขนาดเล็กมาก)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดเล็กมากไม่สามารถรับรู้ได้ด้วยคน แต่เครื่องมือสามารถบันทึกได้
  • ผลกระทบ: ไม่มีผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งแวดล้อม
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 1.4 ล้านครั้งต่อปีทั่วโลก

2.0 – 2.9 (ขนาดเล็ก)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดเล็กรู้สึกได้แต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย
  • ผลกระทบ: ไม่มีความเสียหายต่อสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งแวดล้อม
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 1.3 ล้านครั้งต่อปี

3.0 – 3.9 (ขนาดเบา)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดเบามักรู้สึกได้ แต่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายสำคัญ
  • ผลกระทบ: มีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายเล็กน้อย
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 130,000 ครั้งต่อปีทั่วโลก

4.0 – 4.9 (ขนาดปานกลาง)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดปานกลางทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของสิ่งของในบ้านพร้อมเสียงรบกวน
  • ผลกระทบ: ไม่มีความเสียหายสำคัญ
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 13,000 ครั้งต่อปีทั่วโลก

5.0 – 5.9 (ขนาดรุนแรง)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดรุนแรงอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อสิ่งปลูกสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน
  • ผลกระทบ: มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสิ่งปลูกสร้าง
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 1,300 ครั้งต่อปีทั่วโลก

6.0 – 6.9 (ขนาดใหญ่)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ก่อให้เกิดความเสียหายมากในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่น
  • ผลกระทบ: อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายและเกิดการเคลื่อนย้ายของพื้นดิน
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 100 ครั้งต่อปี

7.0 ขึ้นไป (ขนาดมหาศาล)

  • คำอธิบาย: แผ่นดินไหวขนาดมหาศาลก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
  • ผลกระทบ: การทำลายล้างสิ่งปลูกสร้างและโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
  • ความถี่: เกิดขึ้นประมาณ 10-20 ครั้งต่อปีทั่วโลก โดยปกติจะมีแผ่นดินไหวเพียง 1 ครั้งต่อปีที่มีขนาดระหว่าง 8 ถึง 10 ยังไม่เคยมีการบันทึกแผ่นดินไหวที่มีขนาด 10 ขึ้นไป

ปกติระดับ 8-10 แมกนิจูด เกิดเพียง 1 ครั้งต่อปี และยังไม่มีการบันทึกแผ่นดินไหวที่มีขนาด 10 แมกนิจูดขึ้นไป

 

 

 

อ้างอิง : Science Notes