CEO Forum ปฏิรูปอุตสาหกรรม ชูไทยศูนย์กลางลงทุนสีเขียว

CEO Forum ชูแนวทาง Industrial Decarbonization ภายใต้โครงการ Low Carbon City หนุนผู้ประกอบการไทยลดคาร์บอน มุ่งเป้า Net Zero 2065 ผ่านนวัตกรรมและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
KEY
POINTS
- CEO Forum ชูแนวทาง Industrial Decarbonization
- ปั้นโครงการ Lo
วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 ประเทศไทยได้ก้าวสำคัญในการปรับโฉมภาคอุตสาหกรรมสู่อนาคตที่ยั่งยืน เมื่อธนาคารโลก (World Bank) กระทรวงอุตสาหกรรม และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) ร่วมกันจัด CEO Forum: Industrial Decarbonization under Thailand’s Low Carbon City Program เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ มุ่งเป้า Net Zero 2065 พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมลดก๊
ฟอรั่มสำคัญนี้เป็นเวทีในการหารือกลยุทธ์ที่สำคัญและค้นหาโอกาสใหม่ๆ ในการลดคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของประเทศไทยที่มุ่งมั่นสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการบูรณาการองค์ความรู้ระดับสากลจากธนาคารโลกและความร่วมมือของผู้นำภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ
ปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้กล่าวเปิดงานสัมมนา โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีความยั่งยืนในยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความท้าทายจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต
“รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและโครงสร้างการผลิต การทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างโอกาสในการพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน”
กระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดนโยบาย "การปฏิรูปอุตสาหกรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่ สะอาด สะดวก โปร่งใส" ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมในทิศทางที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งกำหนดกลไกขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประเด็น รวมถึงภารกิจเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เช่น การจัดการปัญหากากอุตสาหกรรม การลดมลพิษทางอากาศ การส่งเสริมอุตสาหกรรมสีเขียว การพัฒนาศูนย์อุตสาหกรรมฮาลาล การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับงานบริการ
หนึ่งในภารกิจที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาอุตสาหกรรมไทยให้เป็นอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำที่ยั่งยืน เพื่อรับมือกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจในอนาคต
โดยจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการปรับตัวไปสู่เศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Transition to New Economy) ผ่านการจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Greening Supply Chain) เพื่อให้เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับต่ำ (Low Carbon Industry) และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรวม
การดำเนินงานในทิศทางนี้คาดว่าจะช่วยยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทยในเวทีโลก พร้อมทั้งส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนในทุกมิติของประเทศ
ตั้งเป้า Net Zero 2065 อุตสาหกรรมสีเขียว
นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ตระหนักถึงบทบาทสำคัญของภาคอุตสาหกรรมในการลดก๊าซเรือนกระจก เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายให้ภาคอุตสาหกรรมของไทยบรรลุ Net Zero Emissions ภายในปี 2065 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรมจะมุ่งยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียว และเริ่มบังคับใช้เกณฑ์ใหม่ภายในปี 2568 โดยจะส่งเสริมการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การลดของเสียในกระบวนการผลิต และการสนับสนุนเทคโนโลยีสะอาด นอกจากนี้ ยังมีการประกาศใช้มาตรฐานลดก๊าซเรือนกระจก 7 มาตรฐาน พร้อมพัฒนาแนวทางให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยจะสร้างกลไกให้สถานประกอบการสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีลดคาร์บอนได้ง่ายขึ้น
กระทรวงอุตสาหกรรมยังคงเดินหน้าส่งเสริมการใช้ พลังงานสะอาด โดยร่วมมือกับกระทรวงพลังงานในการแก้ไขอุปสรรคต่างๆ ที่ขัดขวางการใช้พลังงานหมุนเวียน เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนามาตรฐานอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน
โดยตั้งเป้าหมายการกำหนดมาตรฐานใหม่กว่า 55 มาตรฐาน รวมถึงการส่งเสริมอุตสาหกรรม New S-Curve และขับเคลื่อนนโยบาย MIND (Move to Net Zero, Innovation, Digitalization) ซึ่งมีเป้าหมายครอบคลุมในสามมิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
“กระทรวงอุตสาหกรรมเชื่อมั่นในศักยภาพและความร่วมมือของผู้ประกอบการไทยในการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน และพร้อมที่จะสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน”
กนอ.ดันอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กรรมการและรักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนผู้ประกอบการสู่ "อุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ" โดยมุ่งเน้นการรับมือกับความท้าทายด้านดิจิทัล เทคโนโลยี และความยั่งยืนในปัจจุบัน
การดำเนินงานของ กนอ. ภายใต้แนวทางนี้ จะมีการวิเคราะห์ความเสี่ยงและพัฒนาแนวทางสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งสู่ความยั่งยืน พร้อมส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียวผ่านนิคมอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ โดยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด
นอกจากนี้ กนอ. ยังได้จัดการของเสียผ่านโครงการ "มาบตาพุด แซนด์บ็อกซ์" และพัฒนาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน โดยร่วมมือกับ World Bank เพื่อสร้างกลไก Carbon Finance และพัฒนาตลาดคาร์บอนเครดิต รวมถึงตั้ง CME (Carbon Market Exchange) เป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำ
"กนอ. พร้อมที่จะผลักดันอุตสาหกรรมไทยให้สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และยกระดับประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนสีเขียวในภูมิภาค โดยเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วนจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจสีเขียวในอนาคต"