ก.ล.ต. เผย Gen Z ลงทุนพันธบัตรสีเขียวมากสุด ส่วนเบบี้บูมเมอร์แทบไม่สนใจ

การลงทุนในพันธบัตรสีเขียวและการสนับสนุนโครงการที่มุ่งเน้นด้านสิ่งแวดล้อมกำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวในเอเชีย แนวคิดของ "Green Premium" หรือค่าพรีเมียมสีเขียวกำลังเป็นกระแสที่สำคัญในการตัดสินใจลงทุนทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสร้างระบบการเงินเพื่อความยั่งยืน

พงศ์พิชญ์ พิณสาย ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและขับเคลื่อนข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวบนเวที Sustainability Week Asia ครั้งที่ 4 โดย Economist Impact หัวข้อกรณีศึกษาในประเด็น นวัตกรรมแห่งเอเชียน ทำอย่างไรให้ลูกค้าสนใจ “Green Premium” (Innovation Asia: getting customers to pay the “green premium”)

โดยระบุว่า Green Premium คือแนวคิดที่อธิบายถึงความแตกต่างของอัตราผลตอบแทนระหว่างพันธบัตรสีเขียว (Green Bonds) กับพันธบัตรทั่วไป ซึ่งพันธบัตรสีเขียวมักจะได้รับการสนับสนุนจากโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและสิ่งแวดล้อม ความแตกต่างในผลตอบแทนนี้เกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนยอมจ่ายมากขึ้นเพื่อสนับสนุนโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไม่หวังผลตอบแทนที่สูงเกินไป นักลงทุนส่วนใหญ่เห็นว่า Green Premium เป็นโอกาสในการลงทุนที่มีคุณค่าในระยะยาว

"ในประเทศไทยการใช้พันธบัตรสีเขียวและเครื่องมือการเงินที่เชื่อมโยงกับ ESG (Environmental, Social, Governance) กำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนและธุรกิจต่างๆ โดย ก.ล.ต. ได้ส่งเสริมการลงทุนใน ESG ผ่านมาตรการจูงใจทางภาษีและการยกเว้นค่าธรรมเนียม เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนและการเปลี่ยนผ่านไปสู่การดำเนินธุรกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ"

การสำรวจ Willingness-to-pay

พงศ์พิชญ์ เน้นย้ำว่า หากนโยบายและการลงทุนใน Green Premium ได้รับการสนับสนุนอย่างเหมาะสม จะสามารถส่งเสริมการลงทุนในโซลูชันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความยั่งยืนกลายเป็นโอกาสทางการเงินที่น่าสนใจ

ผลการสำรวจระบุว่า เกือบทุกคนเลือกลงทุนในพันธบัตรสีเขียวหากอัตราผลตอบแทนไม่ต่างจากพันธบัตรทั่วไป อย่างไรก็ตาม หากพันธบัตรสีเขียวให้ผลตอบแทนต่ำกว่าพันธบัตรทั่วไป มีเพียง 10% ของนักลงทุนเท่านั้นที่ยังคงเลือกลงทุน นักลงทุนรายย่อยมีความเต็มใจที่จะจ่ายมากกว่านักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจ่ายค่าพรีเมียมสูงสุดเพื่อสนับสนุนพันธบัตรสีเขียว ในขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์แทบไม่มีความเต็มใจจ่ายเลย  

เปรียบเทียบ Green Premium ในเอเชีย

พงศ์พิชญ์ กล่าวด้วยว่า การวิเคราะห์ Green Premium ในตลาดต่างๆ ในเอเชียพบว่า ค่าพรีเมียมของประเทศไทยมีช่วงระหว่าง -3.5 ถึง -1.9 จุด ซึ่งน้อยกว่าค่าพรีเมียมในสิงคโปร์ที่เป็นบวก และสูงกว่าของมาเลเซีย นอกจากนี้ การวิจัยยังพบว่า พันธบัตรสีเขียวมักมีอัตราการผิดนัดชำระหนี้ต่ำกว่าพันธบัตรทั่วไป และอาจให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าเมื่อพิจารณาในระยะยาว ทำให้พันธบัตรสีเขียวกลายเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจมากขึ้น

พัฒนานวัตกรรมยั่งยืน

นอกจากการเงินสีเขียวแล้ว นวัตกรรมในผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนก็เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี โครงการของ Greenpac ที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์พลาสติกใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและลดขยะ แสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวไม่สามารถทำได้เพียงแค่การลงทุนในพันธบัตรสีเขียวหรือผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนเพียงอย่างเดียว ความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจ และผู้กำหนดนโยบายเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างระบบนิเวศที่ยั่งยืน และการเปิดตัวกองทุน Thailand ESG Extra Fund ในปี 2568 จะเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผนวกความยั่งยืนเข้ากับตลาดการเงิน เพื่อให้การลงทุนสีเขียวยังคงดึงดูดและเข้าถึงได้ง่าย

“Green Premium” กลายเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในเอเชีย และประเทศไทยก็ไม่พลาดในการเปิดรับนวัตกรรมนี้ สถาบันการเงินและนักลงทุนทุกคนต้องหันมามองว่า การลงทุนในโซลูชันสีเขียวไม่เพียงแต่เป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสทางการเงินที่คุ้มค่าในระยะยาว การพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนที่มีความยั่งยืนจะสร้างอนาคตที่ดีทั้งในแง่เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมได้อย่างแท้จริง