บริษัททำเหมืองหินปูน ฝ่าฝืน ล้ำเขตป่าสงวน จ.เพชรบุรี หลายร้อยไร่

กรมป่าไม้ขยายผลตรวจสอบเหมืองหินปูนแห่งหนึ่งจังหวัดเพชรบุรี อาจจะมีพื้นที่บางส่วนทำประโยชน์เกินที่ได้รับอนุญาตล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติหลายร้อยไร่
KEY
POINTS
- กรมป่าไม้ตรวจสอบเหมืองหินปูนแห่งหนึ่ง ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี อาจมีการใช้พื้นที่เกินได้รับอนุญาต และล้ำเข
เหมืองหินปูนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศไทยในหลายด้าน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ซึ่งหินปูนเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตปูนซีเมนต์ที่ใช้ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อาคาร ถนน และสะพาน นอกจากนี้ หินปูนยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมเคมีและอาหาร เช่น การผลิตแคลเซียมคาร์บอเนตสำหรับยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงการนำไปใช้ในการปรับปรุงดินในภาคเกษตรกรรม และในกระบวนการบำบัดน้ำเสีย
การทำเหมืองหินปูนจึงไม่เพียงแต่สร้างรายได้และสนับสนุนการจ้างงานในพื้นที่ต่าง ๆ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การทำเหมืองหินปูนต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ต่อไป
ล่าสุด "กรมป่าไม้" ได้ขยายผลการตรวจสอบเหมืองหินปูนแห่งหนึ่งใน ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี หลังจากที่การอ่านและแปลวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมพบว่าอาจมีการใช้พื้นที่บางส่วนเกินกว่าที่ได้รับอนุญาต และล้ำเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติหลายร้อยไร่ โดยพื้นที่ดังกล่าวได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
เหมืองหินปูนแห่งนี้ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ “ป่ายางน้ำกลัดเหนือและป่ายางน้ำกลัดใต้” เนื้อที่ 85 ไร่ 42 ตารางวา ตามใบอนุญาตของจังหวัดเพชรบุรี ลงวันที่ 26 กันยายน 2561 โดยใบอนุญาตดังกล่าวมีระยะเวลาจนถึงวันที่ 25 กันยายน 2571
นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) นำโดยนายชาญชัย กิจศักดาภาพ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ และหัวหน้าหน่วยพยัคฆ์ไพร ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้ สจป.10 สาขาเพชรบุรี นำโดยนายอรุณ สิงห์โต และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องรักษาป่าต่างๆ ลงพื้นที่ตรวจสอบการทำเหมืองหินปูน ในพื้นที่ที่ถูกสงสัยว่าจะมีการดำเนินการนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาตตามภาพถ่ายดาวเทียมที่ได้รับการแปลและวิเคราะห์
คาบเกี่ยว 2 จังหวัด
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบพื้นที่คาบเกี่ยว 2 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
- จ.เพชรบุรี : ทิ้งดินทรายนอกเขตประทานบัตร
ในท้องที่ตำบลเขากระปุก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี พบว่า มีการเปิดใช้ประโยชน์พื้นที่ โดยมีลักษณะของการใช้เป็นสถานที่ทิ้งหรือเก็บมูลดินทรายนอกเขตประทานบัตร และสร้างถนนหรือเส้นทางใช้ในการขนส่งแร่ โดยไม่พบใบอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ คำนวณพื้นที่ป่าเสียหายได้ 143-1-44 ไร่
จึงได้นำเรื่องราวแจ้งความกล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าไม้รวก จังหวัดเพชรบุรี ให้ดำเนินคดีกับบริษัทในฐานความผิด ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14 ประกอบมาตรา 31 มาตรา 26/4 และมาตรา 33/2 (ฝ่าฝืนเงื่อนไขฯ ข้อ 16, 17 และ 18) พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 มาตรา 54 มาตรา 55 และมาตรา 72 ตรี
- จ.ประจวบคีรีขันธ์ : มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินหรือไม่?
สำหรับในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พบว่ามีลักษณะของการประกอบกิจการเป็นสถานที่จัดตั้งโรงแต่งแร่ สถานที่เก็บกองหิน และสิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวข้อง คำนวนเนื้อที่ได้ประมาณ 150-1-04 ไร่ ผู้นำตรวจสอบแจ้งว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าว มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน และมีใบอนุญาตประกอบกิจการที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่สามารถมอบให้เจ้าหน้าที่ในขณะตรวจสอบได้ เนื่องจากเจ้าของบริษัทไปต่างจังหวัด และจะส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ในภายหลัง
เจ้าหน้าที่ได้มอบหมายให้หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ปข.5 (หนองยิงหมี) มีหนังสือแจ้งประสานบริษัท เพื่อให้นำส่งสำเนาเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณพื้นที่ที่ใช้จัดตั้งโรงแต่งแร่ สถานที่กองแร่ และใบอนุญาตประกอบกิจการที่เกี่ยวข้องในบริเวณพื้นที่ โดยให้นำส่งมอบให้กับหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ปข.5 (หนองยิงหมี) ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งประสาน และให้หน่วยฯ รายงานสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 สาขาเพชรบุรี เพื่อจะได้ใช้ประกอบการพิจารณาดำเนินการตรวจสอบตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
กฎหมายในพระราชบัญญัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
- มาตรา 14: กำหนดห้ามไม่ให้บุคคลหรือหน่วยงานใดๆ บุกรุก ยึดถือ หรือใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต หากบริษัทมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว เช่น การพัฒนาโครงการในพื้นที่ป่าโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอน ถือเป็นการกระทำผิดตามมาตรานี้
- มาตรา 31: กำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำผิดในเรื่องที่เกี่ยวกับมาตรา 14 เช่น การกำหนดโทษปรับและโทษจำคุก
- มาตรา 26/4: เพิ่มเงื่อนไขหรือข้อกำหนดเฉพาะเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เช่น การใช้พื้นที่ป่าเพื่อชุมชนในกรณีที่ได้รับอนุญาต หากบริษัทฝ่าฝืนเงื่อนไขเหล่านี้จะถือว่าผิดกฎหมาย
- มาตรา 33/2: ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการเข้าตรวจสอบและดำเนินการจับกุมหรือยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดในพื้นที่ป่าสงวน
พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
- มาตรา 54: ห้ามการกระทำการตัดไม้ หรือขนย้ายทรัพยากรจากป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต หากบริษัทดำเนินกิจกรรมเช่นการตัดไม้ในพื้นที่ป่า ถือว่าเป็นการกระทำผิด
- มาตรา 55: ระบุว่าการตัดไม้หรือเก็บผลผลิตจากป่าต้องได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากไม่มีใบอนุญาต การกระทำของบริษัทจะผิดกฎหมาย
- มาตรา 72 ตรี: กล่าวถึงบทลงโทษที่รุนแรง เช่น การจำคุกหรือการปรับหนัก สำหรับการกระทำผิดร้ายแรง เช่น การทำลายพื้นที่ป่าหรือการลักลอบตัดไม้ในลักษณะที่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม
ฝ่าฝืนเงื่อนไขข้อ 16, 17 และ 18
- ข้อ 16: ห้ามการกระทำที่ทำให้ระบบนิเวศของป่าเสียหาย เช่น การใช้เครื่องจักรหนักในพื้นที่ป่าสงวนข้อ 17: ห้ามดำเนินการที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและความหลากหลายทางชีวภาพในป่า
- ข้อ 18: กำหนดแนวทางสำหรับการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กฎหมายเหล่านี้มุ่งป้องกันการกระทำผิดที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หากบริษัทฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าว เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการตามกฎหมายเพื่อเอาผิดต่อบริษัทนั้นได้อย่างเคร่งครัด
อ้างอิง : พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม, พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และที่แก้ไขเพิ่มเติม