ล่าขุมทรัพย์ ราชาคริปโทฯ EP.3 ค้นบ้านหรู ยึดทรัพย์อีก 300 ล้าน
เปิดปฏิบัติการล่าขุมทรัพย์ ราชาคริปโทฯ EP.3 บุกค้นบ้านหรูย่านพระราม 9-ศรีนครินทร์ พบเครื่องแบบทหารประดับเครื่องหมาย-รูปถ่ายวันประดับเครื่องหมาย ขณะที่เจ้าของบ้านชาวจีนได้ออกนอกประเทศไปแล้ว ตร.ยึดทรัพย์มูลค่ากว่า 300 ล้าน
ล่าขุมทรัพย์ ราชาคริปโทเคอร์เรนซี อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รอง ผบช.สอท. นำกำลังเข้าตรวจค้น 2 จุดในพื้นที่ กทม. ตามปฎิบัติการ "ล่าขุมทรัพย์ราชาคริปโทฯ Ep.3"
จุดแรก เจ้าหน้าที่ได้นำหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งภายในหมู่บ้านหรู ย่าน พระราม 9 – ศรีนครินทร์ มูลค่ากว่า 45 ล้านบาท พบเป็นบ้านเดี่ยวสูง 3 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด การเข้าตรวจค้นมีแม่บ้านเป็นผู้นำตรวจค้น พบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องในทางคดีจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบทหารประดับเครื่องหมายผู้กำกับสำรองตรี ระบุชื่อ สมปอง ซู และรูปถ่ายวันประดับเครื่องหมายผู้สำเร็จการฝึกอบรมหลักสูตรผู้กำกับกำลังสำรอง รักษาดินแดนรุ่นที่ 34 พร้อมเกียรติบัตร ของสังกัดสมาคมกำลังสำรองรักษาดินแดนไทยอยู่ภายในห้องนอน และหนังสือเดินทางระบุชื่อนายซูเผิงเฟย สัญชาติจีน โดยผู้ดูแลระบุว่านายซูเผิงเฟย หรือนายสมปอง ซู เป็นบุคคลคนเดียวกัน และเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ขณะนี้ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว
ตำรวจจึงได้ทำการตรวจยึดรถยนต์โตโยต้าอัลพาร์ดสีขาว ทะเบียน กทม.,รถยนต์โตโยต้า รีโว่ สีดำ ทะเบียนป้ายแดง กทม โฉนดที่ดินอาคารชุด โครงการวัน ไนน์ ไฟว์ อโศกพระราม 9 จำนวน 8 ห้องชุด , โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ ตู้เชพ 1 ตู้ รวมมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท จึงทำการตรวจยึดไว้เพื่อตรวจสอบ
จุดที่สอง นำหมายค้นศาลอาญา ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ภายในซอยกาญจนาภิเษก 12 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง พบเป็นที่ตั้งของ บริษัท ซิน รุ่ย เทคโนโลยี ไม่พบผู้พักอาศัยหรือผู้ดูแล ขณะที่ฝ่ายสถานที่ของโครงการ ระบุว่า บ้านหลังดังกล่าวมีผู้ซื้อไปจากโครงการ แต่ยังไม่มีใครเข้ามาพัก ซื้อไปเมื่อประมาณ เดือน พ.ย.-ธ.ค. ปี 65 ภายใต้้ชื่อนิติบุคคล ชื่อซิน รุ่ย เทคโนโลยี
ด้านพล.ต.ต.อำนาจ กล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เป็นการขยายผลจากปฏิบัติการ Trust No One ล่าข้ามโลกราชาคริปโตฯ Ep.1 และ Ep.2 โดยครั้งนั้นบช.สอท.ได้เข้าตรวจค้น 6 จุด ในย่านศรีนครินทร์ และจับกุมนายเซาเซียน ซู อายุ 31 ปี และนางคี ยิ ยี อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน และนายคำเฮง จุลมนตรี สัญชาติ ลาว ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงิน หลังก่อเหตุใช้โปรไฟล์ปลอมตีสนิท ผู้เสียหายผ่านช่องทางโซเซ่ียลมีเดียต่างๆ ก่อนชวนลงทุนในแพลตฟอร์มปลอมสําหรับเทรดเงินสกุลดิจิตอลหรือ สินทรัพย์ต่างๆ ในลักษณะหลอกลงทุนไฮบริดสแกรม
เบื้องต้นพบมีผู้เสียหายในพื้นที่ สน.ศาลาแดง,สน.โชคชัย และสภ.บางสะพาน จ. ประจวบคีรีขันธ์ รวมมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท และเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายซูเผิงเฟย หรือนายสมปอง ซู แนวทางสืบสวนเชื่อว่าน่าจะนำเงินที่ได้จากการหลอกผู้เสียหายมาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของบริษัทซิน รุ่ย เทคโนโลยี ซึ่งจดทะเบียนวันที่ 26 ต.ค. 2565 ประเภทธุรกิจซื้อขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ และให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 49,500,000 บาท
หลังจากนี้ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพร้อมกับออกหมายเรียกนายสมปอง ซู มาชี้แจงการได้มาซึ่งทรัพย์สิน หากไม่สามารถที่จะชี้แจงได้ก็จะเข้าข่ายในส่วนของความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงินหรือร่วมกันสนับสนุนฟอกเงิน” และ นำทรัพย์สินที่ไม่สามารถชี้แจงได้หรือทรัพย์สินที่เชื่อว่าได้มาจากการกระทำความผิดดำเนินการขายทอดตลาด และขยายผลหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือ พยานหลักฐานเชื่อมโยงไปในส่วนใดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย