ดาวโจนส์ลบ 324.80 จุด หุ้นกลุ่มชิป-น้ำมันฉุดตลาดสหรัฐร่วง
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีผลิตชิป-น้ำมันร่วงแรง ฉุดตลาดหุ้นสหรัฐปิดลบ ดาวโจนส์ร่วง 324.80 จุด ขณะที่ Nasdaq ร่วงกว่า 1%
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (15 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลง 3% ตามราคาน้ำมัน และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 1% เนื่องจากหุ้นชิปปรับตัวลงจากความวิตกด้านอุปสงค์
- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,740.42 จุด ลดลง 324.80 จุด หรือ -0.75%
- ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,815.26 จุด ลดลง 44.59 จุด หรือ -0.76%
- ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,315.59 จุด ลดลง 187.10 จุด หรือ -1.01%
หุ้นกลุ่มพลังงานปิดร่วงลง 3% ซึ่งเป็นการลดลงวันเดียวเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนต.ค. 2566 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงจากการคาดการณ์อุปสงค์ที่อ่อนแอ หลังจากสื่อรายงานว่า อิสราเอลจะไม่โจมตีเป้าหมายด้านน้ำมันของอิหร่าน
การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นไปอย่างผันผวน โดยผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มบริการทางการเงินเป็นไปในเชิงบวก แต่หุ้นยูไนเต็ดเฮลท์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพ ร่วงลง 8% หลังคาดการณ์ผลกำไรปี 2568 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้
ดัชนี Nasdaq ถูกกดดันจากหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) บริษัทผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ซึ่งร่วงลง 4.7% หลังสื่อรายงานว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะควบคุมการส่งออกชิปเอไอของบริษัทสหรัฐ
นอกจากนี้ หุ้นชิปร่วงลงตามกัน หลังเอเอสเอ็มแอล โฮลดิงส์ (ASML Holdings) เปิดเผยคาดการณ์ยอดขายที่ลดลงในปีหน้า โดยหุ้น ASML ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงลง 16% และส่งผลฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟียร่วงลง 5.3% ซึ่งเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของ S&P500 ร่วงลงมากที่สุด 1.8%
แต่หุ้นแอปเปิ้ล (Apple) ปิดพุ่ง 1.1% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงเช้า โดยปรับตัวสวนทางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง
ส่วนหุ้นกลุ่มปลอดภัยปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์บวกขึ้นมากที่สุด 1.2% ตามมาด้วยกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคบวก 0.6% และกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้น 0.5%
หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) บวก 0.5% หลังเปิดเผยผลกำไรไตรมาส 3 ดีกว่าคาด ขณะที่หุ้นชาร์ลส์ ชวาบ (Charles Schwab) พุ่ง 6% หลังเปิดเผยผลกำไรสูงเกินคาด
แต่หุ้นซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ร่วงลง 5% หลังรายงานรายได้สุทธิลดลง และรายได้จากอัตราดอกเบี้ยสุทธิต่ำกว่าคาด
บรรดานักลงทุนจะยังคงจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนและข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ อาทิ ยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรม
แมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า แม้หลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย. ผู้กำหนดนโยบายก็ยังคงดำเนินการเพื่อที่จะปรับลดอัตราเงินเฟ้อลง
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีโอกาสราว 98% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนพ.ย.