ราคาทองดิ่งเหว 93.70 ดอลลาร์ รับข่าวอิสราเอลหยุดยิง
ราคาทองฟิวเจอร์สร่วงหนัก 3.45% แตะ 2,618.50 ดอลลาร์ นักลงทุนแห่เทขายสินทรัพย์ปลอดภัย รับข่าว 'อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์' บรรลุข้อตกลงหยุดยิง
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 90 ดอลลาร์ในวันจันทร์ (25 พ.ย.) นับเป็นการร่วงลงภายในวันเดียวที่มากที่สุดในรอบ 4 ปี นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2020 โดยตลาดถูกกดดันจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสื่อรายงานข่าวว่าอิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ รวมทั้งการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอชื่อสก็อตต์ เบสเซนต์ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ของสหรัฐ
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 93.70 ดอลลาร์ หรือ 3.45% ปิดที่ 2,618.50 ดอลลาร์/ออนซ์
- ด้านราคาทองสปอต (Spot Gold) ร่วงลง 3.4% ไปอยู่ที่ 2,619.43 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อคืนนี้
นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสื่อหลายแห่งรายงานข่าวเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์
สำนักข่าว Axios รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า อิสราเอลและเลบานอนได้บรรลุข้อตกลงชั่วคราวเกี่ยวกับเงื่อนไขในการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ พร้อมกับเปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอลจะพิจารณาข้อตกลงดังกล่าวในวันนี้ (26 พ.ย.)
ขณะที่สำนักข่าว Kan TV ของทางการอิสราเอลรายงานว่า การประกาศข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและเลบานอนอาจมีขึ้นในสัปดาห์นี้ และสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ได้อนุมัติข้อตกลงหยุดยิงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์แล้ว แต่อิสราเอลยังคงต้องการเจรจาในรายละเอียดบางประการ
นอกจากนี้ การที่ทรัมป์เสนอชื่อสก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ คีย์สแควร์ กรุ๊ป (Key Square Group) ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง ยังทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าของสหรัฐฯ และพากันเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยนักลงทุนมองว่า เบสเซนต์จะดำเนินมาตรการที่เอื้อต่อตลาดหุ้น และจะทำให้เศรษฐกิจและตลาดการเงินของสหรัฐฯ มีเสถียรภาพมากขึ้น
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐในวันพุธนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ย.