โกลด์แมน แซคส์ เตือนค่าเงินบาทสิ้นปีแตะ 36 บาท จ่อแข็งค่าไม่นาน

โกลด์แมน แซคส์ เตือนค่าเงินบาทสิ้นปีแตะ 36 บาท จ่อแข็งค่าไม่นาน

นักวิเคราะห์ค่าเงินมองเงินบาทแข็งค่าสัมพันธ์กับราคาทองขาขึ้น แต่เชื่อว่าจะได้ไม่นาน รับมือผลกระทบภาษีทรัมป์-ดอกเบี้ยไม่อยู่ โกลด์แมน แซคส์ คาดสิ้นปีแตะ 36 บาท

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (11 มี.ค.) ว่า ค่าเงินบาทกำลังแข็งค่าขึ้นมากจากผลพวงของราคาทองคำในปีนี้ แต่นักกลยุทธ์เตือนว่าอาจยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องค่าเงินบาทจากความเสี่ยงของภาษีศุลกากรสหรัฐและผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้

รายงานระบุว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 1.2% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชียถึงสองเท่า โดยมีเหตุผลสำคัญประการหนึ่งคือ ไทยมีบทบาทในฐานะศูนย์กลางการค้าทองคำ ซึ่งเป็นส่วนช่วยหนุนค่าเงินบาทให้แข็งค่าขึ้นเมื่อทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่

จากการคำนวณการเปลี่ยนแปลงรายสัปดาห์ของบลูมเบิร์ก พบว่า ค่าเงินบาทมีความเชื่อมโยงกับทองคำมากกว่าสกุลเงินส่วนใหญ่ของตลาดเกิดใหม่ โดยราคาทั้งสองมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) หรือการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน 0.57 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา 

โกลด์แมน แซคส์ เตือนค่าเงินบาทสิ้นปีแตะ 36 บาท จ่อแข็งค่าไม่นาน

อย่างไรก็ตาม นักกลยุทธ์หลายคนยังคงมองเชิงลบต่อแนวโน้มค่าเงินบาท ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากช่องว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นกับสหรัฐ รวมถึงผลกระทบจากมาตรการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ของประธานาธิบดีสหรัฐโดนัลด์ ทรัมป์ 

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงเหลือระดับ 2.0% ในเดือนก.พ. ส่งผลให้ช่องว่างกับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสหรัฐต่างกันอยู่ 2.50 จุดเปอร์เซนต์ และโดยปกติแล้วการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมักทำให้สกุลเงินอ่อนค่าลง เนื่องจากผู้ค้าย้ายเงินไปที่อื่น

สตีเฟน ฉูว์ หัวหน้านักกลยุทธ์อัตราแลกเปลี่ยนและอัตราแลกเปลี่ยนของเอเชียจากบลูมเบิร์ก อินเทลลิเจนซ์ กล่าวว่า “ผลงานที่โดดเด่นของเงินบาทจะค่อยๆ ลดลงในที่สุด เนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากการดีดตัวกลับของค่าเงินดอลลาร์ในที่สุด”

ขณะที่ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทซึ่งอ่อนค่าลง 0.3% มาอยู่ที่ 33.89 บาท/ดอลลาร์ในวันนี้ มีแนวโน้มจะอ่อนค่าลงไปแตะระดับ 35 บาท/ดอลลาร์ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า และจะลงไปถึง 36 บาท/ดอลลาร์ ในอีก 12 เดือน สอดคล้องับที่นักเศรษฐศาสตร์ของแบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America Corp.) ระบุเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ความเสี่ยงต่อค่าเงินบาทมีแนวโน้มไปในทิศทางขาลง

ทางด้านอัลวิน ตัน นักกลยุทธ์จาก RBC Capital Markets ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ทิศทางของค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์นั้นขึ้นอยู่กับแนวโน้มของไทยด้วยเช่นกัน การที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้แรงกดดันลดลง แต่การที่ไทยต้องเผชิญกับภาษีศุลกากรทำให้เงินบาทยังคงเปราะบางต่อไป และคาดการณ์การซื้อขายดอลลาร์/บาท จะอยู่ที่ประมาณ 32-37 บาทต่อดอลลาร์ในปีนี้