สื่อนอกวิจารณ์ 'กองทุนวายุภักษ์' ล้มเหลว หุ้นไทยยังแย่สุดในโลก

สื่อนอกวิจารณ์ 'กองทุนวายุภักษ์' ล้มเหลว หุ้นไทยยังแย่สุดในโลก

สื่อนอกชี้กองทุนพยุงหุ้นไทย 'วายุภักษ์' ไม่เห็นผล เปิดตัวมา 7 เดือนแล้ว แต่หุ้นไทยยังลบ 10% รวมทั้งปีลบกว่า 16% ทำผลงานแย่ที่สุดในโลก

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า แคมเปญพยุงตลาดหุ้นไทยที่ตกต่ำผ่าน "กองทุนวายุภักษ์" กำลังล้มเหลว เนื่องจากการมองแง่ลบต่อเศรษฐกิจที่ฝังรากลึกเร่งให้กองทุนต่างชาติถอนเงินออกจากตลาดหุ้นไทย 

รายงานระบุว่าในช่วง 7 เดือนมานี้ หลังจากที่มีการระดมทุนในกองทุนวายุภักษ์ได้ 1.5 แสนล้านบาท (ราว 4.5 พันล้านดอลลาร์) บรรดานักวิเคราะห์ยังคงประหลาดใจว่า กองทุนดังกล่าวกลับช่วยหนุนดัชนี SET ได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และในปีนี้ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงไปแล้วมากกว่า 16% ทำให้ขึ้นแท่นเป็นดัชนีที่มีผลงานแย่ที่สุดในโลกจาก 92 ดัชนีที่บลูมเบิร์กติดตาม

ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติยังถอนเงินออกจากตลาดหุ้นไทยไปแล้ว 4.2 พันล้านดอลลาร์ (ราว 1.4 แสนล้านบาท) หรือมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สื่อนอกวิจารณ์ \'กองทุนวายุภักษ์\' ล้มเหลว หุ้นไทยยังแย่สุดในโลก

หัวใจหลักที่นักลงทุนยังมองเชิงลบอยู่ก็คือ "ความไม่มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้นอกเหนือจากการท่องเที่ยว" รวมถึงความกังวลที่หยั่งรากลึกเกี่ยวกับ "หนี้ครัวเรือนที่สูง" ความไม่แน่นอนทางการเมือง และเรื่องอื้อฉาวของบรรดาบริษัทจดทะเบียน ในขณะที่สงครามภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังส่งผลให้นักลงทุนต้องถอยหนีจากตลาดเกิดใหม่ด้วย

“คนส่วนใหญ่ตระหนักดีว่าหุ้นไทยมีการซื้อขายในราคาที่ถูกมาก แต่ก็ยังยากมากที่จะโน้มน้าวให้พวกเขาลงทุนในหุ้นตอนนี้ เนื่องจากเซนทิเมนต์ที่ย่ำแย่ และแนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอ” นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) กล่าวและเสริมว่า "รัฐบาลได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอย่างจริงจังที่จะช่วยเหลือตลาดหุ้น แต่ควรมีขั้นตอนเร่งด่วนมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนตลาด”

บลูมเบิร์ก ระบุว่า ความล้มเหลวในแผนการพยุงตลาดหุ้นผ่านการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนครั้งนี้ กำลังส่งสัญญาณเตือนไปยังรัฐบาล และนักลงทุนถึง "ความสามารถของกองทุนรัฐ" ในการกระตุ้นตลาด และสิ่งที่รัฐบาลไทยจะดำเนินการต่อไปจะเป็นตัวกำหนดสถานะของตลาดไทยเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในระนาบเดียวกัน 
 
ทั้งนี้ นับจากที่รัฐบาลประกาศระดมทุนในกองทุนวายุภักษ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 นักวิเคราะห์ต่างให้มุมมองเชิงบวกต่อข่าวนี้ โดยธนาคารโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ (Goldman Sachs) ยกระดับหุ้นไทยขึ้นจากความคาดหวังว่าจะช่วยดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศได้ หลังจากความไม่มั่นคงทางการเมือง และผลกำไรที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียนทำให้ตลาดหุ้นไทยปั่นป่วนตลอดทั้งปี 2567 และเจ้าหน้าที่ต่างฝากความหวังไว้กับกองทุนพยุงหุ้นนี้ 

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวขึ้นได้ชั่วขณะหนึ่งก่อนที่ความท้าทายต่างๆ จะถาโถมเข้ามา ข้อมูลของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าหนี้ครัวเรือนของไทยยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง การเติบโตทางเศรษฐกิจยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ส่วนใหญ่ โดยปี 2567 ถือเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ส่วนภาคการบริโภค และการผลิตยังแสดงสัญญาณการชะลอตัว

ในเดือนพฤศจิกายน โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลง โดยระบุในบันทึกอ้างถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ และการประเมินมูลค่าที่สูง “ด้วยแรงหนุนตลาดหุ้นไทยจากกองทุนวายุภักษ์ที่ลดลง ปัจจัยพื้นฐานที่ไม่เอื้ออำนวยของไทยก็กลับมาเป็นประเด็นพิจารณาอีกครั้ง” 

จากการประมาณการของนักวิเคราะห์บริษัทแมคควอรี พบว่า กองทุนวายุภักษ์มีการใช้เงินไปแล้วอย่างน้อย 50 - 60% จากการระดมทุน 1.5 แสนล้านบาท ทว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทยกลับลดลงเกือบ 10% นับตั้งแต่มีการระดมทุนรอบใหม่

บรรดานักลงทุนกล่าวว่า ความหวังในการพลิกฟื้นตลาดหุ้นอยู่ที่รัฐบาลชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่จะใช้มาตรการที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อธุรกิจมากขึ้น และการปฏิรูปกฎระเบียบกำกับดูแลที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลไทยได้ประกาศแผนแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท รวมวงเงิน 1.5 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นการเติบโต และคาดหวังถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเพื่อสนับสนุนการส่งออก และการท่องเที่ยว นอกจากนี้ ยังเพิ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และผลักดันเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ต่อมาในสัปดาห์ที่แล้ว ประเทศไทยได้ประกาศแรงจูงใจทางภาษีสำหรับการลงทุนในตลาดเพิ่มด้วย 

สื่อนอกวิจารณ์ \'กองทุนวายุภักษ์\' ล้มเหลว หุ้นไทยยังแย่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนรวมวายุภักษ์ กล่าวว่า เซนทิเมนต์ตลาดอ่อนแอมากจนมาตรการเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานสถานการณ์โลกได้  “เราหวังเพียงว่าความพยายามอย่างจริงจังของรัฐบาลในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจจะประสบความสำเร็จ ซึ่งนั่นจะเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดสำหรับหุ้นไทย”

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยไม่ใช่ตลาดเกิดใหม่แห่งเดียวในเอเชียที่ได้รับผลกระทบ ตลาดหุ้น และสกุลเงินใน "อินโดนีเซีย" และ "อินเดีย" ก็ถูกเทขายอย่างหนักเช่นกันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงในปี 2568 ก็ร่วงหนักเป็นอย่างน้อยสองเท่าของตลาดหุ้นอื่นๆ ในกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากนักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่านักลงทุนจำนวนมากสูญเสียความเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจ

“เรายังคงเห็นการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ เนื่องจากไม่มีปัจจัยกระตุ้นที่ชัดเจนว่าไทยจะเอาชนะความท้าทายเชิงโครงสร้างได้หรือไม่” เกาชาล ลาดา หัวหน้าฝ่ายวิจัยประเทศไทยของแมคควอรี แคปิทัล กล่าวและเสริมว่า “กองทุนในประเทศก็ยังขาดความเชื่อมั่นในการเข้าซื้อด้วย”

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์