ภาษีทรัมป์ฉุดทุนไหลออก 4 ตลาดหุ้นอาเซียน 1.4 แสนล้านหนักสุดรอบ 5 ปี

ภาษีทรัมป์ฉุดทุนไหลออก 4 ตลาดหุ้นอาเซียน 1.4 แสนล้านหนักสุดรอบ 5 ปี

แค่ไตรมาสแรกฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลออกจาก 4 ตลาดหุ้น 'ไทย - อินโดฯ - เวียดนาม - ฟิลิปปินส์' กว่า 1.4 แสนล้านบาท หวั่นเรื่องเศรษฐกิจ - ผลกระทบภาษีศุลกากรทรัมป์

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า เพียงแค่ช่วง 3 เดือนแรกของปี 2568 นักลงทุนต่างชาติถอนเงินลงทุนออกจาก 4 ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมกันแล้วถึง 4,160 ล้านดอลลาร์ (กว่า 1.4 แสนล้านบาท) จากความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรสหรัฐ และปัญหาการเติบโตต่ำในประเทศเหล่านี้ รวมถึงมีแรงจูงใจให้โยกเงินไปเข้าตลาดหุ้นจีนที่กำลังฟื้นตัวขึ้นแทน

ปริมาณเงินไหลออกดังกล่าวยังนับเป็นฟันด์โฟลว์ที่ออกจากตลาดหุ้น 4 ประเทศนี้รายไตรมาสครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา

แม้เป็นที่คาดว่าประเทศเหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากภาษีศุลกากรของสหรัฐต่อจีน เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงวาระการดำรงตำแหน่งสมัยแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่การเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (reciprocal tariff) ในรอบนี้ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เม.ย. อาจทำให้ภูมิภาคต้องตกเป็นเป้าหมายของสงครามการค้าไปด้วย

ภาษีทรัมป์ฉุดทุนไหลออก 4 ตลาดหุ้นอาเซียน 1.4 แสนล้านหนักสุดรอบ 5 ปี

ความไม่แน่นอนดังกล่าวยังควบคู่ไปกับความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ และค่าเงินที่อ่อนค่าลง ทำให้เงินต่างประเทศไหลออกจากตลาดหุ้นเหล่านี้

แกรี ตัน ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอของบริษัท ออลสปริง โกลบอล อินเวสต์เมนท์ส กล่าวว่า “สำหรับนักลงทุนในตลาดเกิดใหม่แล้ว มีเหตุผลเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้นที่จะหนุนให้ลงทุนในตลาดอาเซียนในระยะสั้น” โดยตันอ้างถึงปัจจัยลบการบริโภคภายในประเทศที่อ่อนแอ ปริมาณการซื้อขายที่ลดลง และการขาดการเปิดรับภาคส่วนปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เป็นเหตุผลที่นักลงทุนหนีจากตลาดอาเซียน

หุ้นจีนฟื้นดูดเงินลงทุนแทน

ข้อมูลจาก LSEG Lipper แสดงให้เห็นว่า "กองทุนหุ้นจีน" ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ 3.3 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่ดีต่อโมเดลเอไอของบริษัทสตาร์ตอัปจีน DeepSeek

ความสนใจต่อตลาดหุ้นจีนที่เพิ่มขึ้นทำให้ "ตลาดหุ้นฮ่องกง" ปรับตัวสูงขึ้นมาก ดัชนีฮั่งเส็งทะยานขึ้นไปแล้วถึง 17% ในปีนี้ ทำให้กลายเป็นตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่มีผลงานดีที่สุดในโลก

ภาษีทรัมป์ฉุดทุนไหลออก 4 ตลาดหุ้นอาเซียน 1.4 แสนล้านหนักสุดรอบ 5 ปี

ในทางกลับกัน ดัชนี FTSE ASEAN 40 ร่วงลงกว่า 4% ซึ่งถือเป็นผลงานไตรมาสแรกที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2563

ขณะที่ดัชนี SET ตลาดหุ้นไทย ป็นดัชนีหุ้นหลักที่มีผลงานแย่ที่สุดในโลกในปี 2568 โดยปรับตัวลงไปแล้วถึง 15% ในปีนี้

ทางด้านดัชนีจาการ์ตาคอมโพสิตของอินโดนีเซีย ร่วงลงเช่นกันเกือบ 14% ในปีนี้ โดยเมื่อวันจันทร์ดัชนีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2564 เนื่องจากแผนการใช้จ่ายด้านสังคมครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีปราโบโว ซูเบียนโต และความกังวลด้านการคลังของประเทศทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล

“นักลงทุนอาจจะยังคงระมัดระวังต่ออาเซียนในระยะสั้น โดยเฉพาะเมื่อพอร์ตการลงทุนทั่วโลกเอนเอียงไปทางเศรษฐกิจที่มีวิสัยทัศน์การเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า และมีความยืดหยุ่นของนโยบายมากกว่า” ชารู ชานานา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ Saxo กล่าว

บรรดานักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระแสเงินทุนที่ย้ายไปยังจีนจะยังคงดำเนินต่อไป เนื่องจากมูลค่าหุ้นจีนถูกกว่า โดยอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ของดัชนี MSCI หุ้นอาเซียนอยู่ที่ประมาณ 13 ซึ่งสูงกว่าของจีนที่อยู่ที่ 10 และของภูมิภาคเอเชียโดยรวมที่อยู่ที่ 12.75

ภาษีทรัมป์ฉุดทุนไหลออก 4 ตลาดหุ้นอาเซียน 1.4 แสนล้านหนักสุดรอบ 5 ปี

ขณะที่ความผันผวนของค่าเงินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกัดกร่อนผลตอบแทนจากการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่น่ากังวลเช่นกัน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์