วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (13 ก.ย. 65)
ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังความกังวลอุปทานตึงตัวขึ้นจากการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย
+ ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนท์ปรับขึ้น จากความกังวลอุปทานน้ำมันตึงตัวขึ้น หลังสหภาพยุโรป (EU) เตรียมคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียในวันที่ 5 ธ.ค. อีกทั้ง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะระงับการจัดส่งพลังงานโดยสิ้นเชิงให้แก่ชาติตะวันตก หากมีการใช้มาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันจากรัสเซีย
+ ข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านเผชิญความไม่แน่นอน หลังประเทศชาติตะวันตกแสดงความไม่มั่นใจของอิหร่านในการรื้อฟื้นข้อตกลง ในขณะที่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน นัสเซอร์ คานาอานี แถลงการณ์ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของกลุ่มยุโรป (E3) ในการหาข้อตกลง ท่ามกลางข้อขัดแย้งที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้
+ กระทรวงพลังสหรัฐฯ รายงานตัวเลขปริมาณน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ ของสหรัฐฯ ลดลง 8.4 ล้านบาร์เรล คงเหลือ 434 ล้านบาร์เรล ณ วันที่ 9 ก.ย. โดยนับเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 2527
- เจนนิเฟอร์ แกรนโฮล์ม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของสหรัฐฯ กล่าวว่าสหรัฐฯ วางแผนที่จะปล่อยน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์ เพิ่มราว 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นระยะเวลา 6 เดือน หลังจากที่มาตรการปล่อยน้ำมันสำรองในปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค. นี้
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานที่ตึงตัวมากขึ้นจากจีน โดยทางจีนมีแนวโน้มที่จะลดปริมาณส่งออกน้ำมันในเดือน ก.ย. อยู่ที่ราว 2 แสนตัน จากระดับ 4 แสนตัน ในเดือน ส.ค. เนื่องจากกำไรการกลั่นถูกกดดัน
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังผลกระทบจากฤดูมรสุมในภูมิภาคกดดันอุปสงค์ โดยในปากีสถาน ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลลดลงกว่า 9 แสนตันในช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา