FTSE Rebalance หุ้นรายงานพิเศษ PRM (16 ก.ย. 2565)

FTSE Rebalance หุ้นรายงานพิเศษ PRM (16 ก.ย. 2565)

วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ราว -10 จุด มีแรงขายในหุ้นหลายกลุ่มหลักทรัพย์ เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคาร และอาหาร หลักทรัพย์ที่ปรับตัวลงมีถึง 1,318 หลักทรัพย์ ปรับตัวขึ้น 412 หลักทรัพย์และไม่เปลี่ยนแปลง 462 หลักทรัพย์

เงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่อง แตะ 36.75 บาทต่อดอลลาร์ ทำให้มีแรงขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,642.33 จุด -14.25 จุด -0.86% มูลค่าการซื้อขาย 72,795 ลบ. ต่างชาติ -4,459.13 ลบ. TFEX -30,786 สัญญา ตราสารหนี้ -2,046.88 ลบ.

 

ปัจจัยบวก    

+ ธนาคารกลางจีนประกาศอัดฉีดเงินกว่า 2 แสนล้านหยวน (2.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการปล่อยเงินกู้ใหม่ เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยเงินกู้ให้กับบริษัทต่าง ๆ ซึ่งนับเป็นมาตรการล่าสุดที่ทางการจีนนำมาใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
+ สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 5 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 226,000 ราย
+ สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากดีดตัวขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.
+ สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.ค.
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในรพ. 837 ราย มีผู้เสียชีวิต 12 ราย รักษาหาย 1,087 ราย

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ลดลง 173.27 จุด หรือ -0.56% เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าเฟด จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดถูกกดดันจากการที่ธนาคารโลก และ IMF ออกรายงานเตือนว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 3.38 ดอลลาร์ -3.8% ปิดที่ 85.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลที่ว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด และธนาคารกลางทั่วโลกจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- คณะกรรมการประจำวุฒิสภาสหรัฐได้อนุมัติร่างกฎหมาย @เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนของสหรัฐต่อไต้หวัน ท่ามกลางแรงกดดันของจีนที่เพิ่มขึ้นต่อไต้หวัน
- องค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า โรคโควิด-19 จะระบาดอีกหลายระลอกในอนาคต ซึ่งรัฐบาลทั่วโลกจำเป็นต้องเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือภัยคุกคามใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

 คาดดัชนีในวันนี้มีโอกาสปรับตัวลงต่อ โดยมีแรงกดดันจากธนาคารโลก และ IMF ออกรายงานเตือนว่าเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย ประกอบกับมีการปรับน้ำหนัก FTSE All World Index คาดตลาดหุ้นไทยถูกลดน้ำหนักราว -73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,630-1,650 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• นายกฯ ออกเกณฑ์ให้ต่างชาติได้ BOI ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ : WHA AMATA ROJNA
• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA COTTO DCC TASCO
• ปรับน้ำหนัก FTSE All World Index เพิ่มน้าหนัก : BH ลดน้ำหนัก SCC ,ADVANC, AOT, BDMS, CPALL, CPN, GULF, KBANK, PTT, PTTEP และ SCB
• iPhone 14 วางจำหน่ายวันแรก : COM7, SPVI, CPW, JMART

 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                             PRM “มุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H65”
                                              (ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 8.20 บาท)

FTSE Rebalance หุ้นรายงานพิเศษ PRM (16 ก.ย. 2565)

•งวด 2Q65 กำไร 199 ลบ. -51%YoY -27%QoQ โดยมีรายได้ 1.7 พันลบ. +17%YoY +15%QoQ เติบโตขึ้นจากกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันในประเทศ เรือขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศ และการสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ดี %GPM ปรับลงสู่ระดับ 27.2% (2Q64 = 29.7%, 1Q65 = 29.6%) จากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 64 ลบ.

•แนวโน้มรายได้ปี 65 เติบโตราว 10%YoY โดยช่วงที่เหลือของปีคาดรายได้จะเติบโต QoQ ตั้งแต่งวด 3Q65 เป็นต้นไป โดยมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประการ คือ 1) ขยายกองเรือเพิ่มอีก 3 ลำในช่วง 2H65 ได้แก่ เรือขนส่งในประเทศ 2 ลำ และเรือขนส่งระหว่างประเทศ 1 ลำ 2) ธุรกิจเรือจัดเก็บปิโตรเลียมลอยน้ำ (FSU) มีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้น และ 3) แนวโน้มราคาน้ำมันถูกลง ส่งผลให้ %GPM ปรับดีขึ้น

•ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการช่วง 2H65 โดย Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 65 ราว 1.17 พันลบ. -17%YoY ลบ. (1H65 กำไร 472.3 ลบ. คิดเป็น 40% ของประมาณการทั้งปี 65) โดยปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 14.9x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 23x

 

หุ้นมีข่าว

(+) MINT ( Bloomberg Consensus 40.00 บาท) เปิดข้อมูลจะจะโรงแรมยุโรปไร้ผลกระทบพลังงาน เหตุมองไกลล็อกค่าไฟแล้ว ชี้ต้นทุนไฟฟ้าแค่ 3-4% ของรายได้ สวนทางดีมานด์กระฉูดอัตราเข้าพักทะลัก 70% แถมปรับขึ้นราคาห้องพักเป็น 140 ยูโรแล้ว สูงกว่าไตรมาส 2 ชี้เป็นโรงแรมระดับบนไม่โดนหางเลขเศรษฐกิจ แนวโน้มเจรจาธุรกิจ ประชุม สัมมนาอื้อ (ที่มา ทันหุ้น)

(+) BRR ( Bloomberg Consensus - บาท) เห็นช่องโตชัด รุกหนักภาชนะจากเยื่อชานอ้อย เล็งผลิตเพิ่มอีกเท่าตัว หลังยุโรป-อเมริกาชอบ ชูต้นทุนถูกกว่าแถมได้พรีเมียม เล็งขายโนว์ฮาวให้บริษัทน้ำตาลไทย-บราซิลเพิ่มมูลค่า พร้อมลุยธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวล 6 หมื่นไร่ ที่สปป.ลาว ญี่ปุ่นจีบมองคาร์บอนเครดิต ด้านโบรกชี้อนาคตไกล (ที่มา ทันหุ้น)

(+) FN (Bloomberg consensus - บาท) ลุยจัดงาน "FN FAIR" ขนโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ไตรมาส 3/2565 หวังหนุนผลงานพลิกกำไร มองตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมายังไม่มากนัก แต่ตลาดในประเทศยังเติบโตดีเนื่องจากเป็นไฮซีซันของการท่องเที่ยว และมองหาโอกาสขยายตลาดต่างประเทศ เตรียมวางขายสินค้า CBD ภายในไตรมาส 4/2565 (ที่มา ทันหุ้น)

(+) JP (Bloomberg consensus - บาท) แย้มครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซัน ออเดอร์ OEM พุ่งรับอานิสงส์เจ้าของแบรนด์ทยอยผลิตและนำออกวางตลาดมากขึ้น จ่อผุดโปรดักต์กัญชงปลายปีนี้ ขณะที่อยู่ระหว่างศึกษาลงทุนธุรกิจ Health Care มั่นใจว่าทั้งปี 2565 ผลงานจะปรับตัวดีขึ้นตามเป้าหมายที่วางไว้ (ที่มา ทันหุ้น)