SCC - ความท้าทายคืออุปทานใหม่ และต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
อุปทานใหม่ ethylene น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปได้ในปี 2023 แต่เศรษฐกิจโลกถดถอยอาจยืดให้นานขึ้น ขณะที่ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น และอุปสงค์ของ CMB ลดลง เราปรับลดสมมติฐาน spread ของ HDPE/PP ในปี FY22/23F ลง
ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี FY22-23F ของเราลดลง 14% และ 13% ตามลำดับ และทำให้ราคาเป้าหมาย DCF ลดลงเหลือ 330 บาท ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ
วัฏจักรขาลงของปิโตรเคมีจะผ่านจุดต่ำสุดในปี 2023
Spread ของ HDPE เฉลี่ย US$390/t qtd ต่ำกว่าต้นทุนที่จุดคุ้มทุนที่ US$400-450/t ส่วนอุปสงค์ยังอ่อนแอจากจีน lockdown ขณะที่คาดาอุปทาน ethylene เพิ่มขึ้น 6% ในปีนี้ และเพิ่มขึ้นอีก 5% ในปีหน้า สูงกว่าอัตราการเติบโตของอุปสงค์ที่ปีละ 4% คาดอัตราการใช้กำลังการผลิตของอุตสาหกรรมจะลดลงเหลือ 83% ในปี 2023 ต่ำกว่าวัฏจักรขาลงรอบก่อนอยู่ 1ppt ผู้ผลิตบางรายลดอัตราการใช้กำลังการผลิตลง 20% ทั้งนี้ ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตที่ใช้ naphtha เป็นวัตถุดิบ SCC จัดอยู่ในช่วงบนของ quartile ที่สามของกราฟต้นทุน ในอีกด้านหนึ่ง โครงการ LSP ซึ่งกำหนด COD ใน 1H23 คืบหน้าไปแล้ว 96% เกิดเพลิงไหม้ขึ้นในระหว่างทดสอบการเดินเครื่องเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แต่ดับเพลิงได้ในหนึ่งชั่วโมง และอยู่ระหว่างประเมินความเสียหาย เราคาดบริษัทอาจเลื่อนนำ SCGC เข้าจดทะเบียนในตลาด ธุรกิจ Vinyl (ใหญ่เป็นอันดับสามรองจาก PE และ PP) กำลังเผชิญกับฤดูฝน โยอุปสงค์ และอุปทานในสาย ธุรกิจ vinyl ยังสมดุลกันดี
ต้นทุนพลังงานเพิ่มขึ้น และอุปสงค์ของ CMB ลดลง
ธุรกิจปูนซีเมนต์กระทบอย่างหนัก เพราะมีไซต์งานก่อสร้างกว่า 400 ไซต์งานที่ถูกปิดในช่วงที่เกินสถานการณ์โรคระบาด ทั้งนี้ อุปสงค์ CBM ยังคงอ่อนแอ เพราะฤดูฝน แต่คาดว่าอุปสงค์ปูนซีเมนต์จะเพิ่มขึ้น yoy จากฐานที่ต่ำ ขณะเดียวกัน ราคาพลังงานที่แพงขึ้นจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้น SCC ปรับขึ้นราคาขาย แต่ยังชดเชยได้ไม่หมด SCC ยังเพิ่มสัดส่วนใช้เชื้อเพลิงทางเลือกเป็น 30% ของโรงปูนในไทย แต่ถ่านหินยังใช้เป็น ราคาถ่านหินในปัจจุบันมีราคาสูง SCC จึงล็อกราคาถ่านหินเอาไว้บางส่วน นอกจากนี้ พอร์ต HVA คิดเป็นสัดส่วน 35% ของเคมีภัณฑ์ (+US$100/t หรือมากกว่า) และสินค้าทุกกลุ่ม ซึ่งน่าจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากอุปสรรคข้างต้นไปได้บ้าง
แนะนำ ถือ และปรับลดราคาเป้าหมาย DCF เหลือ 330 บาท (จากเดิม 380 บาท)
ปรับสมมติฐาน spread ของ HDPE และ PP ในปี FY22-23 เหลือ US$420/t และ US$450/t และปรับลดสมมติฐาน spread ระยะยาวของ HDPE ลงเหลือ US$500 และของ PP เหลือ US$550 ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี FY22-23F ลดลง 14% และ 13% ตามลำดับ และราคาเป้าหมาย DCF เหลือ 330 บาท คิดเป็น PE ปี FY22/23F ที่ 13.2x/12.8x และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.7%/3.5%