วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน (26 ก.ย. 65)

- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 5% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน  เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 20 ปี หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นอีก 0.75% มาอยู่ที่ระดับ 3.0-3.25% ในการประชุมครั้งที่ผ่านมาเพื่อชะลอผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดกังวลเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน

+ สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงทวีความรุนแรงขึ้น หลังรัสเซียเริ่มประกาศลงประชามติผนวกดินแดนในยูเครนถึง 4 แคว้นในยูเครน โดยจะเปิดให้ลงความเห็นเป็นระยะเวลา 5 วัน นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งกองกำลังทหารเข้าไปเพิ่มเติมถึง 3 แสนนาย ส่งผลให้ประเทศฝั่งตะวันตกคาดจะออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมและอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานพลังงานของรัสเซีย

+ การเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและชาติตะวันตกมีความคืบหน้าช้าลง หลังอิหร่านต้องการให้สหประชาชาติเลิกตรวจสอบกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทางสหรัฐฯ ต้องการ ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายคาดจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในเร็วนี้
 

ราคาน้ำมันเบนซิน

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลอุปทานจากจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลมีการอนุมัติโควตาส่งออกเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 สัปดาห์และอุปสงค์จากอินเดียที่เพิ่มขึ้นในช่วงการปิดซ่อมบำรุง

ราคาน้ำมันดีเซล

ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดกังวลอุปทานจากจีนมีโอกาสเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลอนุมัติโควตาการส่งออก อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ที่ปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ และอุปทานในภูมิภาคที่ลดลงในช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง