ยังผันผวน หุ้นรายงานพิเศษ SPA (27 ก.ย. 2565)

ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1631.71 จุด -13.58 จุด -0.83% มูลค่าการซื้อขาย 63,750 ลบ. ต่างชาติ -1,918.96 ลบ. TFEX -19,026 สัญญา ตราสารหนี้ -3,059.22 ลบ.
 

ปัจจัยบวก

+ ฮ่องกงเตรียมต้อนรับนักเดินทางขาเข้าซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนมากจนทำให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังยุติมาตรการกักตัวในโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 26 ก.ย. จากเดิมที่บังคับใช้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
+ กรมสรรพสามิตตั้งเป้าจ่ายเงินอุดหนุนรถอีวีล็อตแรก 500 คัน ช่วงปลายเดือนนี้ พร้อมจ่ายอีก 1.7 พันคัน หากจดทะเบียนเรียบร้อย ย้ำงบ 2.9 พันล้านบาทเพียงพอเทียบยอดจองปัจจุบัน สรุปค่ายรถร่วมแล้ว 8 ค่าย เจรจาอีก 2-3 ราย จ่อลงนามเร็วๆ นี้
+ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนสิงหาคม 2565 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง มีมูลค่า 23,632.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.5% เป็นการขยายตัวติดต่อกันเป็น เดือนที่ 18 รวม 8 เดือนของปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) มีมูลค่า 196,446.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 11%
+/- ศบค.รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศวันนี้ ป่วยรายใหม่รักษาในโรงพยาบาล 351 ราย มีผู้เสียชีวิต 10 ราย รักษาหาย 801 ราย

 

ปัจจัยลบ 

- ดัชนีดาวโจนส์ปิด ร่วงลง 329.60 จุด -1.11% ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้วในวันจันทร์ เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ปีนี้ ซึ่งเข้าเกณฑ์ค่านิยามภาวะตลาดหมีแล้ว โดยนักลงทุนวิตกกังวลว่าเฟด เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
 

- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง 2.03 ดอลลาร์-2.6% ปิดที่ 76.71 ดอลลาร์/บาร์เรล แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 เดือน ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยตลาดได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งความกังวลว่าการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
- เฟดสาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวลงสู่ระดับ 0.00 ในเดือนส.ค. จากระดับ +0.29 ในเดือนก.ค.
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.3% แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี

 

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีในวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยดัชนีดาวโจนส์ได้เข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้ว จากการที่นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญภาวะถดถอย ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,610-1,630 จุด

 

กลยุทธ์การลงทุน

• ผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น : BH BDMS D
• วิกฤติพลังงานยุโรป+จีนเริ่มใช้ถ่านหินผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น : PRM VL BANPU LANNA AGE
• หุ้นซ่อมแซมหลังน้ำท่วม : GLOBAL DOHOME HMPRO TOA COTTO DCC TASCO
• ศบค. มีมติยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน : ERW CENTEL VRANDA ASAP SPA
• ตัวเลขส่งออกเดือน ส.ค. เติบโต : BRR KSL TFG GFPT ASIAN JUBILE
 

 

 

 

หุ้นรายงานพิเศษ  

                                              SPA (Bloomberg Consensus 11.00) กระแสเงินสดจากการ

                                                     ดำเนินงานกลับมาเป็นบวก และเติบโตต่อใน 2H65

•รายงานรายได้ 2Q65 ที่ 134 ลบ.+336%YoY และ +17%QoQ โดยได้แรงหนุนจากภาครัฐผ่อนปรนมาตรการควบคุม COVID-19 ตั้งแต่ 4Q64 นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนม.ค.65 ที่ 1.34 แสนคนสู่ 1.07 ล้านคนในเดือนก.ค. 65 ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติ อาทิ อินเดีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และสหรัฐฯ เป็นต้นเพิ่มขึ้น ด้านอัตรากำไรขั้นต้นพลิกกลับมาเป็นบวกที่ 8 % ซึ่งเป็นไตรมาสแรกตั้งแต่ 2Q63 ที่มีการแพร่ระบาด COVID-19 ในไทย อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีผลขาดทุน 29.2 ลบ.-22%YoY และ -49%QoQ เนื่องจากต้นทุนค่าเสื่อมราคาทรงตัวในระดับสูง ทั้งนี้บริษัทมีผลขาดทุน 1H65 ที่ 86.7 ลบ. +47%YoY

•ผู้บริหารคลายกังวลเรื่องสภาพคล่องเนื่องจาก 2Q65 กระแสเงินสดจากการดำเนินงานกลับมาเป็นบวกแล้ว อีกทั้งแนวโน้มนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยต่อเนื่องเป็นตัวหนุนต่อรายได้ของบริษัท ล่าสุดบริษัทมีสาขา 67 สาขา ลดลงจากปีก่อน 3 สาขาเนื่องจากปิดสาขาที่ไม่ทำกำไร อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายบริษัทมีแผนขยายสาขาอีก 3 สาขาภายในปี 65 นอกจากนี้มีการจัดตั้ง JV เพื่อทา Sleep Clinic และเปิดสปาอีก 2 สาขาโรงแรม โนกุ ภูเก็ต และโรงพยาบาลปิยะเวท

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อผลประกอบการ 2H65 เนื่องจากภาครัฐได้ยุบ ศบค. ไปแล้วบ่งชี้ว่า COVID-19 เป็นเพียงโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง และยกเลิกแสดงเอกสารวัคซีน หรือผลตรวจ ATK ก่อนเข้าประเทศช่วยหนุนจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น นอกจากนี้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่กลับมาเป็นบวกช่วยคลายกังวลเรื่องขาดสภาพคล่อง เราจึงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”

 

หุ้นมีข่าว

(+) STARK ( Bloomberg Consensus - บาท) ผู้ถือหุ้น STARK อนุมัติทุ่มงบ 20,572.89 ล้านบาท ซื้อหุ้น LEONI Kabel GmbH และ LEONIsche Holding Inc ยักษ์สายไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ และ EV Charging Solutions อันดับ 1 ของโลกสัญชาติเยอรมนี 100% ชูยอดขาย 5 หมื่นล้าน บิ๊กบอส "ชนินทร์" คาดธุรกรรมเสร็จไตรมาส 4/2565 รับรู้รายได้และกำไรส่วนเพิ่มทันที (ที่มา ทันหุ้น)

(+) TTCL ( Bloomberg Consensus 5.65 บาท) ได้งานก่อสร้างโรงงานผลิตผงคาร์บอน จากญี่ปุ่น มูลค่าราว 6.5 พันล้านบาท หนุนแบ็กล็อกพุ่ง 22,500 ล้านบาท ทำนิวไฮรอบ 6 ปี ผู้บริหารลั่นปีนี้รายได้ทะลุเป้าที่วางไว้ 1 หมื่นล้านบาท ช่วงที่เหลือปีนี้ยังมีลุ้นงานใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ 3.5-4.0 พันล้านบาท ส่วนโครงการในเมียนมายังดำเนินการหลังสัญญาซื้อขายไฟฟ้าได้รับการต่ออายุสัญญาแล้ว (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PACO (Bloomberg consensus - บาท) ปลื้มออเดอร์ยาวยันปีหน้า ยอดรอผลิต 400 ล้านบาท ส่งออกหนุนมาร์จิ้นฟู ด้านผู้บริหาร "สมชาย เลิศขจรกิตติ" ตั้งเป้ารายได้ปี 2566 โต 15-20% ส่งซิกกลุ่ม OEM โตเท่าตัว ใส่เกียร์ปั๊มสาขา PACO Auto Hub ชน 350 แห่ง (ที่มา ทันหุ้น)

(+) SHR (Bloomberg consensus 5.30 บาท) มองเพนต์อัพดีมานด์พุ่ง ยิ้มรับท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศคึกคัก ยอดจองในอังกฤษพุ่ง ด้านค่าสาธารณูปโภคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น คาดรัฐบาลอังกฤษอาจวางมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ภาพรวมฟิจิ-มอริเชียส อัตราเข้าพักยืนเหนือ 80% จับตาไตรมาส 4/65 เข้าไฮซีซันท่องเที่ยวมัลดีฟส์ (ที่มา ทันหุ้น)