BTS - ขยายไปสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อโดยมีที่ดินค้ำประกัน

BTS - ขยายไปสู่ธุรกิจปล่อยสินเชื่อโดยมีที่ดินค้ำประกัน

เราแนะนำซื้อ BTS โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 11.30 บาท ทั้งนี้ BTS ขยับเข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง (ปล่อยสินเชื่อโดยมีที่ดินค้ำประกัน) ผ่านการเข้าไปลงทุนใน TNL ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SPI โดย BTS จะลงทุน 2.88 พันล้านบาท เพื่อเข้าถือหุ้น 41.09% ใน TNL

ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของ PE การลงทุนนี้อาจจะดูเหมือนแพงมาก แต่เรามองว่าราคาสมเหตุสมผล เมื่อพิจารณาในเชิงของการเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตตัวใหม่จากธุรกิจลิสซิ่ง 

 

เข้าซื้อหุ้น 41.09% ใน TNL 

BTS แจ้ง SET ว่าคณะกรรมการของบริษัทอนุมัติให้เข้าลงทุนใน Thanulux Pls (บริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ใช้ตัวย่อ TNL) ผ่านการเข้าซื้อหุ้น PP และ RO ของ TNL โดยจะมีกระบวนการดังนี้  i) จะใช้เงินประมาณ 2.88 พันล้านบาท (เข้าซื้อหุ้นที่ราคา 33.06 บาท/หุ้น) เพื่อซื้อหุ้น 87,237,766 หุ้น (41.09% ของหุ้นทั้งหมดที่ออกมาแล้วของ TNL) ii) การเข้าถือหุ้น 41.09% ใน TNL จะทำให้ BTS ต้องทำ tender offer หุ้นที่เหลือทั้งหมดของ TNL แต่อย่างไรก็ตาม Saha Pathana Inter-Holding (SPI) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TNL ในปัจจุบันได้ทำข้อตกลงกับ BTS ว่าจะไม่ขายหุ้นในช่วงที่มีการทำ tender offer ซึ่งหมายความว่า BTS อาจจะซื้อหุ้นผ่านการทำ tender offer ได้อย่างมากที่สุด 37,837,234 หุ้น (17.82% ของหุ้นทั้งหมดของ TNL หลังเพิ่มทุน) ทั้งนี้ ราคา tender price จะเป็นราคาเดียวกันกับที่ BTS ซื้อหุน้ TNL ที่ 33.06 บาท/หุ้น ซึ่งหมายความว่า BTS อาจจะต้องใช้เงินอีก 1.25 พันล้านบาท ในการซื้อหุ้นผ่านการทำ tender offer ซึ่งจะทำให้ BTS ถือหุ้นใน TNL รวมประมาณ 58.91% iii) BTS ไม่มีเจตนาที่จะถือหุ้น TNL เกิน 50% ของหุ้นทั้งหมด ดังนั้น บริษัทจึงอาจจะขายหุ้น TNL ออกมาหลังสิ้นสุดการทำ tender offer iv) U city (บริษัทในเครือของ BTS) จะขายหุ้น 50% ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ออกไปให้กับ TNL ในขณะเดียวกัน SPI จะขายหุ้น 90% ใน Oxygens asset ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SPI ที่ทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อโดยมีที่ดินค้ำประกันให้กับ TNL

 

ขยายธุรกิจไปสู่การปล่อยสินเชื่อแบบมีที่ดินค้ำประกัน

เรามีโอกาสได้คุยกับผู้บริหาร BTS ในช่วงสุดสัปดาห์เกี่ยวกับดีลนี้ ซึ่งเราสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้ 

i) การเข้าซื้อหุ้น 41.09% ใน TNL ดูเหมือนแพง โดยคิดเป็น PE ที่สูงถึง 113x อิงจากกำไรปี 2021 และ full-diluted effect แต่หากพิจารณาจากศักยภาพในการทำกำไรของ TNL หลังปรับโครงสร้าง เรามองว่าแนวโน้มการเติบโตของกำไรดูสมเหตุสมผลกับราคา ii) หลังการปรับโครงสร้าง เราเชื่อว่า TNL จะกลายมาเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เต็มขั้น เรามองว่า TNL จะเริ่มจับตลาดลูกค้าบุคคล หรือ SME ที่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และอาจจะต้องงานเงินสด หรือ เงินทุน โดย TNL จะให้สินเชื่อแก่ลูกค้ากลุ่มนี้โดยมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่ง margin ของธุรกิจนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20% สูงกว่าธุรกิจที่ TNL ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันอย่างมาก และในกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ เราเชื่อว่า TNL จะสร้างคอนโดบนที่ดินที่ยึดมา ซึ่งเรามองว่าโมเดลธุรกิจนี้น่าจะทำกำไรได้ดี และมีศักยภาพในการเติบโตสูง ดังนั้น เราจึงมองว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของกำไร TNL ในอนาคต ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รวม TNL เข้ามาในแบบจำลองของเรา ซึ่งจากการประเมินอย่างคร่าว ๆ ถ้า BTS ลงทุนโดยใช้เงินกู้ทั้งหมด และใช้สมมติฐานว่ากำไรของ NTL เป็นเหมือนที่ผ่านมา (ไม่มีกำไรจากธุรกิจใหม่) NTL จะส่งผลขาดทุนมาที่ BTS 60 ล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับกำไรของ BTS ที่สูงถึงปีละ 3 พันล้านบาท 

 

แนะนำ ซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมายที่ 11.30 บาท

เราคงคำแนะนำ ซื้อ BTS โดยยังคงราคาเป้าหมายเอาไว้เท่าเดิมที่ 11.30 บาท เราเชื่อว่าราคาหุ้น BTS ในปัจจุบันสะท้อนข่าวร้ายไปเกือบหมดแล้ว ซึ่งรวมถึงประเด็นเกี่ยวกับ กทม. และ KT ด้วย ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าผลประกอบการมีแนวโน้มจะฟื้นตัวขึ้นจากสองปีก่อนที่ถูกกระทบจาก COVID