Quantamental ตลาดการเงินยังผันผวนต่อ
ในเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ดัชนี SET Index ปรับลดลง -3% MoM โดยเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond yield) ที่ปรับขึ้นมาก ในทางกลับกัน Momentum การปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนโดยนักวิเคราะห์ กลับเริ่มชะลอตัวลง
โดยประมาณการ EPS ของ SET index ในเดือนที่ผ่านมาไม่มีการปรับอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้เม็ดเงิน Fund flow ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติและนำลงทุนสถาบันในประเทศอ่อนแอกว่าคาดในเดือนที่ผ่านมา ขณะที่มีแรงขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นมามากก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มพลังงาน (เป็นไปตามคาด)
Value factor: กลไกความผันผวนในตลาดการเงินจาก Bond yield ยังส่งผลต่อราคาหุ้นต่อเนื่อง
i) Modified yield gap (M-yield gap): แม้ดัชนี SET index จะปรับลดลง -3% MoM แต่ไม่ส่งผลให้ Valuation ของตลาดหุ้นไทยดูน่าสนใจขึ้น เนื่องจาก Bond yield ที่ปรับขึ้นมามาก โดย M-yield gap ณ สิ้นเดือน ก.ย. อยู่ที่ -0.29 จุด ใกล้เคียงค่าศูนย์ สะท้อนว่า Valuation ของทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรอยู่ในระดับที่เป็นกลาง (Neutral zone) ซึ่งเป็นกลไกการปรับปรุงระดับ Valuation ของตลาดหุ้นโดยอัตโนมัติเมื่อ Bond yield ปรับตัวขึ้น กล่าวคือ Forward PE ปรับลดลงสวนทางกับ Bond yield ตามทฤษฎี ขณะที่ Forward PE ถูกปรับลง (De-rate) แต่ประมาณการ EPS ไม่ได้ถูกปรับขึ้น จึงทำให้ SET index ปรับลดลง ทั้งนี้ Bond yield มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้น จากนโยบายการเงินตึงตัวของธนาคาร
กลางประเทศต่างๆ รวมถึง ธปท ที่ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมครั้งถัดไป ดังนั้นเราประเมินการ De-rate Valuation ของตลาดหุ้นจะยังคงมีต่อเนื่องจนกว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเริ่มชะลอตัวลง
ii) Implied equity risk premium (iERP): iERP ล่าสุดเท่ากับ 3.3% ปรับขึ้นเล็กน้อยเทียบเดือนก่อนหน้าเป็นผลจากราคาหุ้นที่ปรับลดลง แต่หากเปรียบเทียบ iERP กับ Risk free rate (Bond yield อายุ 10 ปี) พบว่าอัตราส่วน iERP/Risk free ลดลงเหลือเพียง 1.01 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ย. 2557 เป็นต้นมาและเมื่อพิจารณา Risk free ที่เพิ่มขึ้นจนเท่ากับ iERP ทำให้อาจสรุปได้ Valuation ตลาดหุ้นไทยปัจจุบัน มีความน่าสนใจลงทุนลดลง
iii) Cyclical adjusted PE (CAPE): CAPE ล่าสุดอยู่ที่ 18.6 เท่า คิดเป็นราว +0.75 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ยในอดีต ขณะที่ Excess CAPE Yield (ECY) เท่ากับ 2.48% ลดลงจาก 2.95% ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจาก Bond yield ที่ปรับขึ้นแรง ซึ่ง ECY ปัจจุบันเป็นระดับที่ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ต.ค.2561
Whipsaw market: ตลาดการเงินยังผันผวนต่อ
คาดดัชนี SET index จะยังผันผวนต่อเนื่องในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นผลจากนโยบายการเงินแบบตึงตัวของธนาคารกลางทั่วโลกยังดำเนินต่อไป นอกจากนี้ความกลัว โอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในสหรัฐฯและยุโรป อย่างไรก็ดีเราคาดการ De-rate valuation ของตลาดหุ้น ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว เนื่องจากฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน Upside ของ Bond yield จะเริ่มจำกัดแล้ว
ในขณะเดียวกันแม้ว่าตลาดหุ้นจะยังผันผวนต่อเนื่อง แต่เราเริ่มเห็นสัญญาณดีๆที่เกิดขึ้นจากตลาดหุ้นกู้ โดย Default spread หรือ ส่วนต่างของ Spread ระหว่างหุ้นกู้เรตติ้ง BBB กับหุ้นกู้เรตติ้ง AAA ปรับลดลงแรงสู่ระดับใกล้เคียงกับก่อนวิกฤตโควิด-19 ทำให้เราประเมินความเสี่ยงเรื่องของ Default risk ในบริษัทขนาดกลาง - เล็ก ลดลง โดยในเชิงทฤษฎี Default spread ที่ลดลงนี้จะสะท้อนว่าวัฏจักรธุรกิจได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว เราจึงประเมินว่าในช่วงที่ตลาดการเงินผันผวนนี้ จะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นอีกครั้งเมื่อราคาอ่อนตัวลง เนื่องจากเราประเมินปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยที่แข็งแกร่งขึ้นใน 4Q65 - ปี 2566
เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา หุ้นเด่น 20 ตัวของเรา กำไรเฉลี่ย +0.1% หากคำนวณด้วยวิธี Equal weight แต่มีผลขาดทุนเฉลี่ย -1.8% หากคำนวณด้วยวิธี Market cap weight ซึ่งถือว่า Outperform ตลาดหุ้นโดยรวมที่ปรับลดลง -3% ในเชิง Technical analysis เราประเมินแนวรับ SET index 1560 จุด และ 1540 จุด ตามลำดับ / แนวต้าน 1615 จุด และ 1625 จุด ตามลำดับ