ตลาดคาดหวังเฟดลดเข้มงวดและ Market breath หนุนการฟื้นตัว

ตลาดคาดหวังเฟดลดเข้มงวดและ Market breath หนุนการฟื้นตัว

ตลาดเริ่มคาดเฟดจะลดความเข้มงวดในการดำเนินนโยบาย ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นกว่า 2% ในทุกดัชนี ซึ่งเรามองว่าเป็นเพราะ 1) ตัวเลข ISM ออกมาชะลอลง 2) นักลงทุนเริ่มมองเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพียง 0.50% 3) GDP Now ของเฟดแอตแลนต้า

ล่าสุดชี้ GDP ไตรมาส 3/65 ของสหรัฐฯ จะออกมา +2.30% ซึ่งดีขึ้นมาจากจาก +0.30% และลดความเสี่ยงการถดถอยต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3 4) ปัญหาการเพิ่มขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรที่เร็วเกินไป อาจกระทบกับสถานะของกองทุนบำเหน็จบำนาญ ทำให้ตลาดเริ่มมองเฟดอาจลดความเร็วในการขึ้นดอกเบี้ย หรืออาจตรึงดอกเบี้ยหลังการขึ้นดอกเบี้ยในรอบการประชุม พ.ย. 

 

ตลาดหุ้นไทยปรับลดลดลงจากหลายปัจจัย หุ้นไทยปรับลดลง 31.46 จุด – 1.98% การปรับลดลงแรงเกิดจากความกังวลตลอดจนหลายๆปัจจัย ได้แก่ 1) ความกังวลเฟดเรียกประชุมฉุกเฉิน (จริงๆ คือการประชุมปิด ซึ่ง 3 ต.ค. จะเป็นครั้งที่ 20 ของปีนี้) 2) ความกังวลข่าวลือเกี่ยวกับสถานะของ CS หลัง CDS spread พุ่งขึ้นเกินกว่าระดับในช่วงเกิดวิกฤติซับไพรม์ 3) ความกังวลสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ อาจกระทบต่อกลุ่มประกัน และการฟื้นตัวของการบริโภค 

 


 

Market breadth มองหุ้นสหรัฐฯ เข้าสู่โซนลุ้นฟื้นตัว ขณะที่หุ้นไทย เข้าสู่โซนซื้อ ดัชนี S&P500 ปรับลดลงจนอยู่ในจุดที่มีลุ้นฟื้นตัว โดยหุ้นที่อยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 50 วัน และ 200 วัน เหลืออยู่ 4% และ 13% ซึ่งมักเป็นระดับที่ตลาดหุ้นเกิดการฟื้นตัว สำหรับหุ้นไทย หุ้นที่ยืนอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ยทั้งสอง อยู่ที่ 24% และ 29% ซึ่งเป็นจุดที่มีลุ้นการฟื้นตัวเช่นกัน // ทั้งนี้เรามองตลาดหุ้นไทยในบริเวณ 1,550-1,560 จุด เข้าสู่โซนเสี่ยงซื้อที่น่าสนใจ ผลจากประเมินการกำไรที่ยังปรับขึ้น ทำให้ปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ PER 14.74 เท่า ซึ่งถูกกว่าจุดต่ำสุดรอบที่ผ่านมา ที่ 1,517 จุด ซึ่งซื้อขายที่ PER 16.13 เท่า   

 

ประเด็นเก็งกำไรอื่น 1) กลุ่มท่องเที่ยว AOT, CENTEL, ERW, MINT, BAFS, AAV, SHR, VRANDA, SPA 2) กลุ่มเปิดเมือง CPALL, MAKRO, MAJOR, MBK 3) มาตรการสนับสนุน EV ได้แก่ EA, GPSC, PIMO  4) หุ้นได้ประโยชน์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน BABA80, TENCENT80, CHINA, STAR5001 5) กลุ่มไฟฟ้าแผน PDP ใหม่ บวกกับ EGCO, RATCH, GULF, GUNKUL, SSP 6) เก็งกำไรทางเทคนิค CRC, RATCH, RS, SC, TH, TLI, BAM, EA, BAFS, CK, MBK, SAMART, ARIN, SVT, MC, TKN, SCGP 

 

ภาพรวมกลยุทธ์: ภาพทางเทคนิค SET มีแนวรับในโซน 1,550-1,560 จุด ซึ่งเป็นจุดที่มีลุ้นเกิดการฟื้นตัวหรือกลับตัว กลยุทธ์ในภาพใหญ่ไม่เปลี่ยน คือ รอเลือกซื้อกลุ่มหุ้นเปิดเมือง (ซื้อ: ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร กองรีทส์/ สะสมค้าปลีก การเงิน) ระยะสั้นกลุ่มหุ้นปลอดภัย หุ้นที่ยังขึ้นน้อย รวมถึงหุ้นขนาดกลางที่มีปัจจัยบวกรายตัว มีโอกาสเคลื่อนไหวได้ดีกว่า ส่วนกลุ่มพลังงานแค่รอเก็งกำไรแนวรับ และเลี่ยงหุ้นโรงกลั่นที่กำไรไตรมาส 3 น่าจะชะลอหนัก (ถ้าจะเลือก ชอบแค่ SPRC) //หุ้นแนะนำ: PTTEP*, BBL*, KISS, FLOYD*

แนวรับ: 1,550 / แนวต้าน : 1,577-1,590 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
 

ประเด็นการลงทุน

ดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐปรับตัวขึ้น - ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.0 ในเดือนก.ย. จากระดับ 51.5 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ระดับ 51.8

สหรัฐเผยการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลงเป็นเดือนที่ 3 - ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนส.ค. โดยดิ่งลง 0.7% เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.3% 

ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของอังกฤษหดตัว – ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของอังกฤษปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 48.4 ในเดือนก.ย. จากระดับ 47.3 ในเดือนส.ค.ที่เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 27 เดือน ส่วนคำสั่งซื้อใหม่ลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันโดยได้รับผลกระทบจากดีมานด์จากต่างประเทศที่ลดลง

IEA คาดตลาดก๊าซทั่วโลกยังคงตึงตัวในปีหน้าจากปัญหาด้านอุปทาน – สำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดว่า ตลาดก๊าซทั่วโลกจะยังคงตึงตัวในปีหน้า เนื่องจากอุปทานก๊าซในท่อส่งจากรัสเซียลดน้อยลงและอุปสงค์ก๊าซในยุโรปที่ลดลงจากการดำเนินมาตรการประหยัดพลังงานและราคาที่พุ่งสูงขึ้น

หุ้นเครดิตสวิสร่วงเกือบ 10% ทำนิวโลว์ วิตกเรื่องปรับโครงสร้าง-สถานะเงินทุน – ความพยายามในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของเครดิตสวิสมีขึ้นภายหลังที่ค่าสเปรดสัญญาสวอปการผิดนัดชำระหนี้ (Credit Default Swap: CDS) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจนสร้างความวิตกกังวลในกลุ่มนักลงทุน 

SCB จ่ายปันผล - ในอัตรา 1.50 บ./หุ้น XD 12 ต.ค.

GULF จ่ายไฟโรงไฟฟ้า IPP โครงการ GSRC หน่วยที่ 4 – กำลังการผลิต 662.5 เมกะวัตต์ รวม GSRC จ่ายไฟฟ้าครบ 2,650 เมกะวัตต์ ส่วนโครงการ GPD ขนาด 2,650 เมกะวัตต์ เริ่มจ่ายไฟปีหน้า พร้อมประมูลโครงการพลังงานหมุนเวียนรัฐ

CKP รับอานิสงค์น้ำไหลเข้าเขื่อนสูง – ปริมาณน้ำมากในช่วงฤดูฝน หนุนผลงานงวดไตรมาส 3/2565 แตะระดับสูงสุดของปี ทั้งยังเข้าสู่ฤดูน้ำหลาก และไฮของโรงไฟฟ้า

BTS ผนึก สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง – กางแผนลงทุนใน TNL เตรียมรุกธุรกิจสินเชื่อ เจาะกลุ่มลูกค้าเงินกู้รายใหญ่ 

U City เปลี่ยนชื่อเป็น แรบบิท โฮลดิ้งส์ - ลุยธุรกิจการเงิน เตรียมล้างขาดทุนสะสม

 

ประเด็นติดตาม: 4 ต.ค.- US JOLTs Job Openings / 5 ต.ค. – TH CPI, ISM Non-Manufacturing PMI, US Crude Oil Inventories / 6 ต.ค. – US Initial Jobless Claims / 7 ต.ค. – US Nonfarm Payrolls, Unemployment Rate / 12 ต.ค. – US PPI / 13 ต.ค. – US CPI / 14 ต.ค. - US Retail Sales

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)