กลยุทธ์การลงทุน ศึกษาผลกระทบจากเงินบาทอ่อน เศรษฐกิจโลกชะลอ และดอกเบี้ยขึ้น ต่อผล ประกอบการปี 2566
เราได้ศึกษาความอ่อนไหวของกำไร บจ. กับการเปลี่ยนแปลงของ 3 ปัจจัยเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ การอ่อนค่าของเงินบาท การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการขึ้นดอกเบี้ย
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินมีการพูดกันมากถึงปัจจัยเศรษฐกิจหลัก 3 ประการ ได้แก่ การอ่อนค่าของเงินบาท การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการขึ้นดอกเบี้ย ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ เราได้ทำการศึกษาอย่างย่อ ๆ เกี่ยวกับความอ่อนไหวของกำไรในปี 2566 ของหุ้นที่ KGI ศึกษาอยู่ในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB เฉลี่ยเปลี่ยนจาก 33.0 เป็น 35.0 ในขณะที่ยอดส่งออกลดลงจากประมาณการในกรณีฐาน 5% และมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยไปเกินกว่ากรณีฐาน50bps ซึ่งจากผลการศึกษา เราพบว่าโดยรวมแล้ว กำไรของบริษัทที่เราศึกษาอยู่จะได้รับผลกระทบน้อยมาก โดยเราแบ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบออกเป็นสามกลุ่มดังนี้
กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์ และ เกษตร/อาหาร จะได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาท, เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และ การขึ้นดอกเบี้ย (แต่ผลจากดอกเบี้ยจะน้อยกว่า)
การอ่อนค่าของเงินบาทเป็นบวกกับผลประกอบการของกลุ่มส่งออก อย่างเช่น อิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์ และ เกษตร/อาหาร โดยเราคาดว่า DELTA และ SUN จะได้อานิสงส์มากที่สุด (figure 1) อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอานิสงส์ส่วนใหญ่จะหักล้างไปกับยอดส่งออกที่มีโอกาสจะลดลงถ้าหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในปีหน้า เรามองว่าหุ้นอื่น ๆ ในกลุ่มก็จะเผชิญกับสถานการณ์คล้าย ๆ กันรวมถึง SCGP* ซึ่งเป็นหุ้นหลักในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มส่งออกไม่ได้มีภาระหนี้สูง และการขึ้นดอกเบี้ยจะไม่ส่งผลกระทบกับผลประกอบการของกลุ่มนี้มากนัก
กลุ่มสาธารณูปโภค (ไฟฟ้า) อาจจะได้อานิสงส์จากบาทอ่อน แต่บางบริษัทก็อ่อนไหวกับการขึ้นดอกเบี้ยดังแสดงใน figure 2 การอ่อนค่าของเงินบาทเป็นบวกกับ BGRIM*, BPP* และ CKP* มากที่สุด เพราะอาจจะทำให้กำไรสุทธิปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 18.7%, 9.0% และ 8.6% ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม หุ้นโรงไฟฟ้าบางตัวค่อนข้างอ่อนไหวกับการขึ้นดอกเบี้ย ยกตัวอย่างเช่น BGRIM ซึ่งหากมีการขึ้นดอกเบี้ยเกินกว่ากรณีฐานของเรา 50bps จะฉุดให้กำไรสุทธิของบริษัทลดลง 13.3% ทั้งนี้ การวิเคราะห์กลุ่มโรงไฟฟ้าของเราไม่ได้รวมผลกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะการคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยน
USD/THB ตอนสิ้นงวดค่อนข้างยาก
กลุ่มอื่น ๆ ที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ส่วนกรณีการขึ้นดอกเบี้ย บางบริษัทในกลุ่มโรงแรม และไฟแนนซ์อาจจะได้รับผลกระทบอย่างมาก
ใน figure 3 เราได้ระบุผลกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ยต่อหุ้น domestic play 7 กลุ่มที่ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากการอ่อนค่าของเงินบาท และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่ commerce, โรงแรม, อสังหาริมทรัพย์, ขนส่ง, โรงพยาบาล, ไฟแนนซ์ และพลังงาน โดยในหุ้นกลุ่มนี้ เราคิดว่ากลุ่มที่กำไรปี 2566 จะได้รับผลกระทบเกิน 5% ได้แก่ ERW, MINT*, AEONTS* และ HENG ซึ่งจะได้รับผลกระทบ 10.3%, 6.0%, 6.4% และ 6.3% ตามลำดับ สำหรับหุ้นกลุ่มโรงแรม เรามองว่ามีโอกาสสูงที่การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะช่วยชดเชยต้นทุนดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นไปได้บางส่วน แต่ที่เราเป็นห่วงมากกว่าคือกลุ่มการเงินประเภท non-bank