MONEY AND STOCK MARKET วันที่ 31 ตุลาคม-4 พฤศจิกายน 2565
เงินบาทผันผวน แต่แข็งค่า ขณะที่หุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน
• เงินบาทปรับตัวอย่างผันผวน ก่อนแข็งค่าปลายสัปดาห์ตามจังหวะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ
• SET Index ปรับขึ้น โดยมีแรงซื้อต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติช่วยหนุน
สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท
เงินบาทปรับตัวผันผวน โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต้นสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินเอเชียอื่นๆ ซึ่งเผชิญแรงขายตามค่าเงินหยวนหลังจากข้อมูล PMI เดือนต.ค. ของจีนออกมาน่าผิดหวัง อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกแข็งค่าในช่วงก่อนการประชุม FOMC ซึ่งตลาดมีความหวังว่า เฟดอาจเริ่มส่งสัญญาณชะลอแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงิน อย่างไรก็ดี เงินบาทล้างช่วงบวกลงเกือบทั้งหมดและกลับมาอ่อนค่าหลังการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 3.75-4.00% ตามคาด แต่ท่าทีของประธานเฟดที่ยังคงกังวลเงินเฟ้อก็สะท้อนว่า เฟดจะยังไม่ยุติวัฏจักรการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้
เงินบาทแข็งค่ากลับมาได้อีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะพันธบัตรระยะสั้น ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ ขาดแรงหนุนเพิ่มเติม เนื่องจากตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขตลาดแรงงานเดือนต.ค. ของสหรัฐฯ
ในวันศุกร์ที่ 4 พ.ย. 2565 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 37.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับ 37.90 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (28 ต.ค.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 31 ต.ค.-4 พ.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 14,191 ล้านบาท และมีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตร 14,429 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 15,696 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้ที่หมดอายุ 1,267 ล้านบาท)
สัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ระดับ 37.00-38.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อของไทยเดือนต.ค. ผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และสถานการณ์ค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขเงินเฟ้อคาดการณ์ในมุมมองของผู้บริโภคเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ตัวเลขทุนสำรองฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิต รวมถึงตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/65 ของอังกฤษและอินโดนีเซียด้วยเช่นกัน
สรุปความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทย
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สาม ทั้งนี้ SET Index ดีดตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีแรงหนุนจากกระแสข่าวที่ว่าจีนกำลังพิจารณาเรื่องการเปิดประเทศ ประกอบกับมีแรงซื้อต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ดี หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ โดยระหว่างสัปดาห์มีการประชุมเฟด ซึ่งแม้เฟดจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามตลาดคาด แต่ได้ส่งสัญญาณจะขึ้นดอกเบี้ยนานกว่าคาด ส่วนช่วงปลายสัปดาห์หุ้นไทยแกว่งตัวกรอบแคบระหว่างรอติดตามข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มที่มีแรงซื้อเข้ามามากสุดในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน แบงก์และไฟแนนซ์
ในวันศุกร์ (4 พ.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,626.32 จุด เพิ่มขึ้น 1.26% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 61,350.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.25% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.41% มาปิดที่ระดับ 645.20 จุด
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (7-11 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค. ของไทย ทิศทางเงินทุนต่างชาติ และผลประกอบการงวดไตรมาส 3/65 ของบจ. ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนต.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนก.ย. ของยูโรโซน ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค. ของญี่ปุ่น รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคาผู้บริโภค และข้อมูลการส่งออก